พล.ต.อ.พงศพัศ-พล.ต.ต. เจริญ พร้อมทำหน้าที่ใหม่ที่ปรึกษาผบ.ตร. หลังเกษียณ

การเกษียณอายุราชการในวันนี้ของพลตำรวจเอกพงศพัศ พงษ์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ

พลตำรวจตรีเจริญ ศรีศศลักษณ์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล2  พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)มีคำสั่งแต่งตั้งให้พลตำรวจเอกพงศพัศ เป็นที่ปรึกษาด้านการปฏิรูปองค์กรตำรวจ โดยมีหน้าที่ให้ข้อมูล และคำปรึกษากับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เกี่ยวกับการปฏิรูปองค์กรตำรวจ รวมถึง ประสานงานกับผู้เกี่ยวข้องเพื่อรวบรวมข้อมูลต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิรูปตำรวจ

ส่วนพลตำรวจตรีเจริญ แต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาด้านงานจราจร มีหน้าที่ให้ข้อมูล และคำปรึกษา เกี่ยวกับการปรับปรุงและพัฒนา ประสานงานกับผู้เกี่ยวข้องเพื่อ พัฒนาและปรับปรุง การแก้ไขปัญหาด้านการจราจร โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2559 เป็นต้นไป

พลตำรวจเอกพงศพัศ ระบุว่า หลังจากเกษียณก็ไม่ได้เป็นตำรวจแล้ว การทำงานจากนี้จะเป็นตัวแทนเสียงจากประชาชน รวมถึงลงพื้นที่พบปะประชาชน เพื่อนำปัญหาที่ประชาชนพบ และประเด็นที่ควรปฏิรูปตำรวจมาเสนอแนะกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จากนี้จะมีการคุยกับพลตำรวจตรีเจริญ และอีกหลายฝ่าย ว่าจะมีการขับเคลื่อนและปฏิรูปตำรวจและแก้ไขปัญหาจราจรอย่างไร โดยการขับเคลื่อน ก็มีคณะทำงานอยู่แล้ว ส่วนโครงการต่างๆที่เคยดำเนินการไว้ เช่น โครงการฝากบ้านไว้กับตำรวจ ได้มอบหมายให้รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ไปแล้ว ขอให้ประชาชนไม่ต้องเป็นห่วง ยังมีโครงการนี้ต่อไป ในส่วนตัวจะทำหน้าที่ให้คำปรึกษาด้วย 

ด้านพลตำรวจตรีเจริญ กล่าว่า การรับตำแหน่งใหม่เป็นเพียงการเสนอความคิดเห็นด้านต่างๆ โดยเน้นการแก้ปัญหาจราจร พื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล จะมีการเก็บข้อมูลมาวิเคราะห์ นำไปสู่การเสนอการแก้ไขปัญหา ส่วนตลอดชีวิตการรับราชการได้ทำงานสืบสวนสอบสวนมาตลอดแต่ก็ไม่ได้ทำให้การแก้ปัญหายากขึ้น เพราะก็อยู่กับการจราจรมาทั้งชีวิต เช่นเดียวกับประชาชนทั่วไป ซึ่งการเปลี่ยนจากงานสืบสวนมาทำงานด้านจราจร หลังจากการเกษียณ ไม่ได้ทำให้รู้สึกแก่ แต่กลับทำให้รู้สึกกระชุ่มกระช่วยมากขึ้น เพราะเป็นงานใหม่ เป็นบทบาทใหม่ 

ภายหลังที่พลตำรวจเอกพงศพัศและพลตำรวจตรีเจริญกล่าวเสร็จสิ้น ได้มีนักข่าวอาวุธโสประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นตัวแทน อวยพร โดยบรรยากาศก็เป็นไปด้วยความอุ่นมีนักข่าวแต่ละสำนักได้มอบดอกกุหลาบเพื่อเป็นการอำลาและถ่ายภาพรวมเพื่อเป็นที่ระลึก

ผู้สื่อข่าว:ธนดา เฉลิมวันเพ็ญ