อดีตปธน.อิสราเอลเส้นเลือดในสมองแตก/นายกฯกัมพูชากร้าวไม่ให้ฝ่ายค้านชุมนุม/กลุ่มติดอาวุธเคิร์ดอ้างก่อเหตุระเบิดในตุรกี

+++การเตรียมพร้อมรับมือพายุเมอรันตีของทั้งไต้หวันและจีน เอเอฟพี รายงานว่า ทางการไต้หวัน อพยพประชาชนตามแนวชายฝั่งภาคใต้กว่า 1,800 คน อพยพนักท่องเที่ยวออกจากพื้นที่ชายฝั่ง รวมทั้งปิดโรงเรียนและที่ทำการของรัฐ หลังสำนักอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์ว่าซูเปอร์ไต้ฝุ่นเมอรันตีจะพัดผ่านทางใต้ของเกาะ ทำให้คลื่นลมแรงและฝนตกหนัก คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อวันหยุดยาว 4 วันของชาวไต้หวัน เนื่องในเทศกาลไหว้พระจันทร์วันหยุดกลางฤดูใบไม้ร่วงที่จะเริ่มตั้งแต่วันพฤหัสบดีนี้ เป็นเทศกาลสำคัญของประชาชนในไต้หวัน ฮ่องกง และจีน

+++กระทรวงกลาโหมไต้หวัน สั่งการให้ทหาร 33,000 นายเตรียมพร้อมรับสถานการณ์

+++ไปที่กัมพูชา นายกรัฐมนตรีฮุนเซน ประกาศชัดเจน ไม่อนุญาตให้พรรคฝ่ายค้าน จัดชุมนุมเรียกร้อง ให้มีการแก้ไขปัญหาทางการเมือง เพื่อให้นายสัม รังสี หัวหน้าพรรค กับ นายแกม สุขะ ผู้รักษาการหัวหน้าพรรค พ้นความผิดที่ศาลตัดสินจำคุกอย่างเด็ดขาด เนื่องจากเป็นอำนาจศาล พร้อมสั่งให้เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนเตรียมพร้อมเข้าปราบปรามกิจกรรมผิดกฎหมายทุกรูปแบบเพื่อปกป้องคุ้มครองความสงบสุขของประชาชน หลังศาลแขวงกรุงพนมเปญ มีคำตัดสินเมื่อวันที่ 9 ก.ย. จำคุก นายแกม สุขะ เป็นเวลา 5 เดือน จากการปฏิเสธที่จะปรากฏตัวในศาลเกี่ยวกับคดีค้าบริการทางเพศ นายแกม สุขะ หลบซ่อนตัวอยู่ในสำนักงานใหญ่พรรคมาตั้งแต่วันที่ 26 พ.ค. เพื่อเลี่ยงการถูกจับกุมตัว โดยมีผู้สนับสนุนหลายสิบคนรวมตัวกันที่สำนักงานใหญ่พรรคเพื่อปกป้อง 

+++อาการป่วยของนางฮิลลารี คลินตัน วัย 68 ปี ผู้สมัครประธานาธิบดีสหรัฐฯจากพรรคเดโมแครต นายไบรอัน ฟัลลอน โฆษกของนางคลินตัน กล่าวว่า ทีมรณรงค์หาเสียงของนางคลินตัน จะเปิดเผยรายละเอียดทั้งหมดให้สาธารณะชนทราบโดยเร็ว หากย้อนเวลาได้ ทีมงานจะเปิดเผยเรื่องให้ทราบเร็วกว่านี้ ทีมรณรงค์หาเสียงของนางคลินตันปกปิดเรื่องนี้มาตลอดจนกระทั่งปรากฏเป็นข่าวขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ หลังมีคลิปวีดีโอบันทึกภาพขณะนางคลินตันถูกพยุงขึ้นรถตู้คันหนึ่ง หลังจากที่เธอมีอาการเข่าอ่อน ก้าวขาไม่ออกและเกือบหกล้ม แต่เจ้าหน้าที่หน่วยอารักขา 2 คนช่วยพยุงเธอได้ทัน ขณะร่วมพิธีรำลึกเหตุวินาศกรรมสหรัฐฯ วันที่ 11 กันยายน 2544 ในนครนิวยอร์กเมื่อวันอาทิตย์ ต่อมาอีก 5 ชั่วโมงหลังมีการเผยแพร่คลิป ทีมรณรงค์หาเสียงของนางคลินตันจึงยอมเปิดเผยแถลงการณ์จากแพทย์ที่ตรวจร่างกายของนางคลินตันเมื่อวันศุกร์ก่อน ระบุว่านางคลินตันเป็นโรคปอดบวม

+++นางฮิลลารี กล่าวว่า เธอผิดเองที่ไม่ทำตามคำแนะนำของแพทย์ ที่ขอให้เธอพักผ่อน 5 วัน โดยเธอคิดว่าอาการป่วยไม่น่าจะร้ายแรงขนาดนี้ นางฮิลลารี กล่าวว่า ผลการตรวจสุขภาพของเธอที่มีการเปิดเผยก่อนหน้านี้ เป็นไปตามมาตรฐานสากล และโปร่งใส โดยแพทย์ระบุว่า สุขภาพของเธอดีเยี่ยมเหมาะจะทำหน้าที่ประธานาธิบดีสหรัฐได้ และขณะนี้อาการก็ดีขึ้นมากแล้ว หลังวิงเวียนจนเกือบล้มทั้งยืน แต่อย่างไรก็ตามเธอไม่ได้หมดสติ และตอนนี้เธอก็อยากกลับไปหาเสียงพบปะกับประชาชนเหมือนเดิมซึ่งคาดว่าเร็วๆนี้ ก็คงเริ่มต้นหาเสียงได้ใหม่อีกครั้ง

+++ทั้งนี้นางฮิลลารีไอหนักมากเมื่อสัปดาห์ก่อน โดยเธอกล่าวว่าเป็นภูมิแพ้ แถมยังพูดติดตลกว่า ภูมิแพ้ที่ว่านี้ก็คือแพ้นายทรัมป์คู่แข่งจากพรรครีพับลิกันนั่นเอง

+++ขณะที่นายบิล คลินตัน สามีให้สัมภาษณ์ว่านางฮิลลารีเคยมีอาการขาดน้ำ และวิงเวียนหน้ามืดบ้างเป็นครั้งคราว ซึ่งนางฮิลลารีกล่าวว่าเท่าที่เธอจำได้เคยเกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งเท่านั้น และเธอขัดคำสั่งหมอที่แนะนำให้เธอพักผ่อน ก็เพราะว่าเธออยากเข้าร่วมพิธีรำลึก เมื่อวันที่ 11 กันยายน ซึ่งมีความหมายมากในฐานะที่เธอเคยดำรงตำแหน่ง สว.มาก่อน แต่ดันไปเจอสภาพอากาศร้อนชื้น ซึ่งทำให้เธอร้อนมากจนวิงเวียน แต่พอขึ้นไปนั่งบนรถและเปิดแอร์เย็นๆ พร้อมดื่มน้ำเธอก็รู้สึกดีขึ้นทันที และตอนนี้เธอต้องเชื่อฟังคำสั่งหมออย่างเคร่งครัด เพื่อให้หายขาดจากโรคปอดบวม มีรายงานว่าอาการปอดบวมที่นางฮิลลารีเป็นอยู่ ทีมงานหาเสียงของนางไม่มีใครทราบมาก่อน โดยมีเพียงครอบครัวและคนสนิทเท่านั้นที่รู้ โดยนางฮิลลารีกังวลว่า ถ้าเปิดเผยเรื่องนี้ออกมานายโดนัลด์ ทรัมป์ อาจฉวยโอกาสเอาไปขยายความให้ไขว้เขวได้

+++ด้านนายทรัมป์ วัย 70 ปี คู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน ซึ่งถูกกล่าวหาว่าปิดบังข้อมูลเรื่องสุขภาพไม่แพ้นางคลินตัน ระบุว่าเขาเพิ่งเข้ารับการตรวจสุขภาพเมื่อสัปดาห์ก่อน ระบุว่าเมื่อผลตรวจออกมาเขาจะเปิดเผยเรื่องนี้ให้สาธารณชนทราบต่อไป นายทรัมป์ ได้อวยพรขอให้นางฮิลลารี ฟื้นตัวโดยเร็ว และว่าเขาเองก็มีแผนจะเปิดเผยรายงานผลการตรวจสุขภาพประจำปี ที่เพิ่งไปตรวจเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเช่นกัน

+++สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล สำนักงานของอดีตประธานาธิบดีแห่งอิสราเอล แถลงว่า นายชิมอน เปเรซ วัย 93 ปี อดีตประธานาธิบดีแห่งอิสราเอลและเจ้าของรางวัลโนเบลสันติภาพ ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลศูนย์การแพทย์ชีบาเมืองเทล ฮาโชเมอร์ ใกล้กับกรุงเทลอาวีฟ หลังมีอาการเลือดออกในสมอง จึงต้องทำการตรวจด้วยซีที สแกน เพื่อตรวจอย่างละเอียดและประเมินอาการป่วยของอดีตประธานาธิบดีแห่งอิสราเอล ต่อมาแพทย์ได้นำตัวเข้ารักษาในห้องไอซียู สถานีโทรทัศน์ของอิสราเอลรายงานโดยอ้างจากเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลว่า นายเปเรซมีอาการเส้นเลือดในสมองแตก ถือว่าอาการร้ายแรง เมื่อช่วงต้นปี เขาเคยเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลมาแล้วถึงสองครั้ง ด้วยปัญหาโรคหัวใจ แต่รักษาตัวอยู่ไม่นาน ก็ออกจากโรงพยาบาลได้

+++นายเปเรซ ดำรงตำแหน่งสำคัญมาแล้วแทบจะทุกตำแหน่งในทางการเมืองตลอดระยะเวลา 70 ปี ไม่ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีถึง 3 สมัย รวมถึงรัฐมนตรีต่างประเทศและรัฐมนตรีคลัง เขาได้รับรางวัลโนเบลสันติภาพเมื่อปี 2537 ล่าสุดดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีถึง 2557 แม้จะเป็นเพียงประมุขด้านพิธีการ แต่ก็ถือเป็นภาพลักษณ์ของประเทศในฐานะรัฐบุรุษ

+++สำนักอัยการกลางของเยอรมนี กล่าวว่า ตำรวจจับกุมชายชาวซีเรีย 3 คนในเยอรมนีเพื่อสอบปากคำฐานต้องสงสัยถูกกลุ่มรัฐอิสลาม(ไอเอส)ส่งตัวไปก่อเหตุโจมตีเยอรมนี พร้อมยึดอาวุธของกลางได้หลายรายการ สำหรับผู้ถูกจับอายุ 17 ปี 18 ปีและ 26 ปี ถูกจับกุมระหว่างปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ความมั่นคง 200 คนกระจายกำลังเข้าตรวจค้นสถานที่ต้องสงสัยหลายแห่ง ชายชาวซีเรีย สารภาพว่าเดินทางเข้าเยอรมนีผ่านตุรกีและกรีซ ใช้หนังสือเดินทางปลอม

+++เหตุระเบิดรถยนต์ในเมืองแวน ทางตะวันออกเฉียงใต้ของตุรกี รอยเตอร์ รายงานว่ากลุ่มติดอาวุธชาวเคิร์ดอ้างความรับผิดชอบว่าอยู่เบื้องหลังตอบโต้กรณีรัฐบาลสั่งปลดนายกเทศมนตรีหลายสิบคนออกจากเทศบาลหลายแห่งที่มีชาวเคิร์ดเป็นผู้บริหาร สำหรับเหตุระเบิดครั้งนี้ ไม่ห่างจากที่ทำการรัฐบาลท้องถิ่น มีคนบาดเจ็บ 50 คน รวมถึงตำรวจ 4 คนและพลเมืองชาวอิหร่าน 4 คน คาดว่านักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ไปเที่ยวตุรกีระหว่างวันหยุดในเทศกาลอีดิลอัฎฮาของชาวมุสลิม

+++กลุ่มเฝ้าระวังสิทธิมนุษยชนซีเรีย กล่าวว่าการหยุดยิงทั่วประเทศที่เริ่มต้นมาตั้งแต่ต้นสัปดาห์ ในช่วงแรกๆหลังข้อตกลงเริ่มมีผล มีรายงานว่า มีการโจมตีทางอากาศและยิงปืนใหญ่ในบางพื้นที่ทางตอนเหนือของจังหวัดฮามา,อีสต์ กูตาและทางตอนเหนือของจังหวัดอเล็ปโป จากนั้นสถานการณ์ก็เริ่มสงบลงอย่างต่อเนื่องและไม่มีรายงานการเสียชีวิตของพลเรือนตั้งแต่การหยุดยิงเริ่มมีผลเมื่อเวลา 19.00 น.ตามเวลาท้องถิ่นของวันจันทร์