ไทย-มาเลย์สกัดกลุมแนวคิดสุดโต่ง บุคคล2สัญชาติ

ภายหลังที่ นายกรัฐมนตรี นายนาจิบ ราซัค ของมาเลเซีย และพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ได้มีการประชุมประจำปีและได้ร่วมลงนามความร่วมมือโครงการนิคมอุตสาหกรรมยางพาราสงขลา และนิคมอุตสาหกรรมยางพารา โกตา ปุตรา ระหว่างนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กับบริษัท เทรนวินส์ แพลนเทชั่น เบอร์หาด ซึ่งภายหลังที่ร่วมลงนามดังกล่าวเสร็จสิ้น นายกรัฐมตรีทั้ง2ประเทศได้ร่วมกันแถลงข่าวการประชุม โดยพลเอกประยุทธ์ เปิดเผยว่า พึงพอใจผลการประชุมร่วมครั้งนี้และขอบคุณนายกรัฐมนตรีมาเลเซียที่เป็นผู้อำนวยความสะดวกในการพูดเพื่อสันติสุข ทั้งนี้ในการประชุมเห็นชอบร่วมกันที่จะมีการร่วมมือด้านความมั่นคงต่อต้านก่อการร้าย แลกเปลี่ยนข่าวกรอง แนวคิดสุดโต่ง และการก่อการร้ายข้ามชาติที่ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ตลอดจนการสร้างสันติสุขในพื้นที่3จังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่วนด้านเศรษฐกิจก็มีการเห็นชอบร่วมกันที่จะทำให้บรรลุเป้าหมายทางการค้าจากเดิม2หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกาเพิ่มเป็น3หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯภายในปี2561

ส่วนการพัฒนาเศรษฐกิจ พื้นที่ชายแดนภาคใต้ ที่จะมีการขยายด่านศุลกากรสะเดา-บูกิตกายูฮิตัม ซึ่งได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้เสร็จภายในปี2561 และการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโกลก2แห่งเชื่อมโยงระหว่างจังหวัดนราธิวาสกับรัฐกลันตัน และตกลงว่าจะร่วมกันวางศิลาฤกษ์ เริ่มก่อสร้างสะพานในปี 2560 และจะร่วมกันเป็นประธานพิธีเปิดด่านศุลกากร บ้านประกอบ-ดุเรียนบุหรงด้วย รวมทั้งยังเร่งรัดการบูรณาการเขตเศรษฐกิจพิเศษ ที่อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา และจังหวัดนราธิวาสกับชูปิง วาเล่ย์ ที่รัฐปะลิส เพื่อเป็นการส่งเสริมกิจกรรมทางเศรษฐกิจการค้าและการลงทุนในพื้นที่ชายแดน อีกทั้งเห็นชอบร่วมกันในการ ส่งเสริมเชื่อมโยงรถไฟความเร็วสูงระหว่าง กรุงเทพมหานคร-กัวลาลัมเปอร์ ส่วนการร่วมลงนามโครงการนิคมอุตสาหรรมยางพารานั้นทางมาเลเซียก็สนับสนุนการใช้ยางพารา อย่างครบวงจรเพราะเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ ขณะเดียวกันพลเอกประยุทธ์ขอบคุณมาเลเซียที่จะช่วยดูแลเรื่องบุคคล 2 สัญชาติด้วย ขณะที่ด้านนายกรัฐมนตรีของมาเลเซีย ยืนยันจะเป็น ผู้อำนวยความสะดวกต่อไป และเข้าใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึนในชายแดนภาคใต้ เป็นเรื่องภายในประเทศ และมาเลเซีย พร้อมจะปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลไทย และช่วยเหลือเรื่องการศึกษา ด้านสามัญและศาสนา