คตร.ตั้ง3เป้าหมายแก้ทุจริต เร่งขับเคลื่อนธรรมาภิบาลภาครัฐ ลงโทษทันทีหากพบผิด

ผลการประชุมคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติครั้งที่ 4/2559 พลเอกชาตอุดม ติตถะสิริ ประธานกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ในฐานะเลขาธิการ คตช. เปิดเผยผลการประเมินสถานการณ์การแก้ไขปัญหาทุจริตในรอบ2ปี ว่าสถานการณ์ดีขึ้น การทุจริตน้อยลง ซึ่งจุดเปลี่ยนครั้งนี้อยู่ที่การเสริมสร้างกลไกใหม่เข้าไปกระตุ้นการทำงานของข้าราชการให้ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในกรอบของธรรมาภิบาล หลังจากนี้จะขับเคลื่อนงาน 2 ลักษณะ คือขับเคลื่อนธรรมาภิบาลในภาครัฐให้เป็นรูปธรรม เจ้าหน้าที่ต้องปฎิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ถ้าผิดวินัยหัวหน้าส่วนราชการต้องดำเนินการทางวินัย หากพบหน่วยงานใดสร้างความเดือดร้อนกับประชาชน หรือส่อทุจริตจะ ส่งเรื่องไปที่ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต(ศปท.)กระทรวง จากนั้นส่งต่อไปที่เจ้าของเรื่องต้นสังกัดต้องเร่งแก้ปัญหาทันที และกฎหมายใหม่ของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ(ป.ป.ท.) เมื่อส่งเรื่องไปต้องตอบกลับมาภายใน 30 วัน หากต้นสังกัดไม่ส่งมาภายใน30วัน ป.ป.ท.จะรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด ส่งไปที่คณะรัฐมนตรี(ครม.)และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ต่อไป

ส่วนการขับเคลื่อนการป้องกันการทุจริตในหน่วยงานภาครัฐ  ตั้งเป้า 3 ประการ คือคนโกงรายเก่าต้องหมดไป คนโกงรายใหม่ต้องไม่เกิด และไม่เปิดให้โกงได้ง่าย ซึ่งการประชุมศูนย์อํานวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ(ศอตช.) ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีสั่งการให้ไปหาแนวทางที่ทำให้คดีทุจริตเข้าสู่กระบวนการโดยเร็ว เพื่อเอาคนผิดลงโทษให้หมด นอกจากนี้  ที่ประชุมเห็นชอบให้ศปท.เป็นศูนย์กลางประสานงานการแก้ไขปัญหาการทุจริตในกระทรวงต่างๆ และ ประสานงานกับรัฐวิสาหกิจและองค์กรมหาชน ในสังกัดกระทรวงนั้นๆ รวมทั้งเสนอให้ศปท. ตรวจสอบเปรียบเทียบผลการดำเนินงานด้านวินัยของกระทรวงต้นสังกัดที่เจ้าหน้าที่ในกระทรวงถูกร้องเรียน หากศปท.มีข้อสงสัยก็สามารถเข้าร่วมตรวจสอบกับกระทรวงได้เช่นกัน ว่ามีการตรวจสอบทางวินัยถูกต้องหรือไม่ และหากผลตรวจสอบไม่ตรงกัน ก็จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบและแก้คำสั่งใหม่และคนที่มีหน้าที่ตรวจสอบต้องชี้แจงเหตุผลการตรวจสอบด้วย



ด้านนายมานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) กล่าวว่า จะมีการจัดงานวันต่อต้านการคอร์รัปชั่นแห่งชาติ ภายใต้แนวคิดการจัดงานในปีนี้คือ”กรรมสนองโกง”เพื่อเป็นเครื่องเตือนสติใครโกงชาติ ทำร้ายบ้านเมืองต้องถูกลงโทษในวันนี้ ไม่ใช่ชาติหน้า โดยจะจัดขึ้นวันที่ 6 และวันที่ 11 กันยายน จะมีการจัดงานทั่วประเทศ ซึ่งวันที่ 6 กันยายนนี้ จะมีการประชุมวิชาการ ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ตั้งแต่ 9.00-12.00 น.และวันที่ 11 ก.ย.จะเป็นงานใหญ่ที่จะจัดขึ้นพร้อมกันทั่วประเทศ ตั้งแต่เวลา 18.00-20.30 น.โดยต่างจังหวัดจัดขึ้นที่ศาลากลางจังหวัด โดยมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง”มาตรการการจัดการปัญหาคอร์รัปชั่นอย่างเป็นรูปธรรม” จากนั้น จะมีกิจกรรมชวนคนไทยทั้งประเทศร่วมจุดไฟไล่โกง พร้อมกันครั้งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

ผู้สื่อข่าว:ธนดา เฉลิมวันเพ็ญ