ครบ1 ปีระเบิดราชประสงค์ รวบได้เพียง2ผตห. เหยื่อระเบิดร้องเยียวยา

วันนี้ถือเป็นวันครบรอบ 1 ปีแห่งการสูญเสีย ในเหตุระเบิดศาลพระพรหมเอราวัณ แยกราชประสงค์ ซึ่งตรงกับวันที่ 17 สิงหาคม 2558 เวลาประมาณ 19.00 น. ในเหตุการณ์ครั้งนั้นมีผู้เสียชีวิตกว่า 20 คน และบาดเจ็บกว่า 130 คน ทั้งคนไทยและต่างชาติ นับเป็นเหตุการณ์สะเทือนใจ และเกิดความสูญเสียเป็นอย่างมาก และเหตุการณ์นี้ยังส่งผลกระทบยาวไปถึงเรื่องของความมั่นคง เศรษฐกิจ การท่องเที่ยว ความเชื่อมั่นจากต่างประเทศ แม้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสามารถจับกุมผู้ต้องหา มือวางระเบิดได้แล้ว 2 คน คือ นายเมียไรลี ยูซูฟู สัญชาติจีน และนายอาเด็ม คาราดัค สัญชาติตุรกี แต่จนถึงทุกวันนี้การดำเนินคดียังไม่ถือเป็นที่สิ้นสุด ยังอยู่ในกระบวนการของศาล โดยคดีดังกล่าวเกิดขึ้นในสมัยที่ พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ดำรงตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในสมัยนั้น และมีพล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งในขณะนั้นดำรงตำแหน่งเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติฝ่ายความมั่นคง เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีดังกล่าว สำหรับมูลเหตุจูงใจในการก่อเหตุ หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยว่ามาจากการที่รัฐบาลมีนโยบายผลักดันชาวอุยกูร์กลับประเทศ แต่นายกรัฐมนตรี ยืนยันชัดเจนว่า แท้จริงแล้วเกิดจากผู้เสียประโยชน์จากการค้ามนุษย์ แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่ทราบว่าผู้ที่เสียประโยชน์จากการค้ามนุษย์ที่ว่านั้นเป็นใคร มีขบวนการใหญ่มากแค่ไหน เกี่ยวกับการเมืองหรือไม่ เป็นชาวไทยหรือว่าชาวต่างชาติกันแน่

ขณะที่ในวันนี้ได้มีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าวมายื่นหนังสือร้องเรียนต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นางสาววิชิรตา ดวงมโน ผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว เปิดเผยว่า ในวันเกิดเหตุได้ไปไหว้พระพรหมที่แยกราชประสงค์ แล้วได้รับบาดเจ็บจากเหตุระเบิดทำให้ไหปลาร้า สะบักแตก ขาหัก หน้าท้องทะลุ กระเพาะฉีก เส้นเลือดดำแดงขาด เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล อยู่ 2 สัปดาห์ ผ่านมา 1 ปี กลับไม่ได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยงานใด มีเพียงกระทรวงยุติธรรมให้ความช่วยเหลือเงินจำนวน 103,000 บาท และจากกรุงเทพมหานคร 30,000 บาท ซึ่งขณะนี้หูด้านซ้ายของยังไม่ได้ยิน ต้องเข้ารับการผ่าตัด มือข้างซ้ายใช้งานไม่ได้ ไม่สามารถเดินสะดวก อีกทั้งต้องเข้ารักษาที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ อยู่เป็นประจำ จึงอยากทราบถึงหน่วยงานที่รับผิดชอบ การเยียวยาผู้ได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากยังมีผู้ประสบเหตุรายอื่น ที่ไม่ได้รับการเยียวยาอีก โดยขณะนี้การใช้ชีวิตเป็นไปด้วยความยากลำบาก ไม่สามารถประกอบอาชีพ หาเลี้ยงครอบครัวได้เหมือนในอดีต ซึ่งเมื่อช่วงบ่ายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี นายกฯ มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแล

บรรยากาศการรักษาความปลอดภัยบริเวณศาลพระพรหมเอราวัณในวันนี้ ยังเป็นไปอย่างเข้มงวด มีเจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจท้องที่ และเจ้าหน้าที่ที่ดูแลศาลพระพรหมเอราวัณ คอยเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ทั้งบริเวณโดยรอบศาลพระพรหมเอราวัณ บนสกายวอร์ค ตลอดเวลา จนกระทั่งประชาชนจะทยอยกลับจนหมด

ผู้สื่อข่าว:สมจิตร์ พูลสุข