นายไพบูลย์ นิติตะวัน ยกเหตุผลค้านเสนอสมเด็จช่วง เป็นสมเด็จพระสังฆราช

กรณีการนำรายนามสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (สมเด็จช่วง) ขึ้นทูลเกล้าฯ สถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช 

นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติและ ประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนาสภาปฏิรูปแห่งชาติ และนพ.มโน เลาหวนิช อดีตศิษย์วัดพระธรรมกาย เข้ายื่นหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี คัดค้านหากมีการนำนามสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (สมเด็จช่วง) ขึ้นทูลเกล้าฯ สถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช ว่า  เนื่องจากตรวจสอบพบว่าสมเด็จช่วงยังมีปัญหาเกี่ยวข้องกับคดีความและอยู่ในระหว่างการตรวจสอบการล่วงละเมิดธรรมวินัย ซึ่งตามราชประเพณี จะไม่นำรายนามที่มีปัญหาขึ้นทูลเกล้า ฯ เพื่อไม่ทำให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท พร้อมเชื่อมั่นว่านายกรัฐจะดำเนินการด้วยความระมัดระวัง นอกจากนี้ยังได้ทำหนังสือให้นายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับเรื่องที่อ้างว่าสมเด็จช่วงมีว่ามีส่วนเกี่ยวข้องคือเรื่องการครบครองรถเบนซ์ และพบหลักฐานการชำระเงินโดยสั่งจ่ายเป็นเช็คจากบัญชีกระแสรายวัน ซึ่งสั่งจ่ายให้กับเจ้าของอู่รถเบนซ์ซึ่งการกระทำดังกล่าวแม้ไม่ผิดกฎหมายแต่ผิดในเรื่องธรรมวินัย เพราะ พระภิกษุต้องไม่รับยินดีในเงินทองและไม่นำเงินทองมาซื้อขายแลกเปลี่ยนสิ่งของ โดยขอเสนอให้มีการตั้งคณะกรรมการอิสระซึ่งจะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านพระธรรมวินัยร่วมพิจารณาว่าสมเด็จช่วงผิดพระธรรมวินัยในเรื่องนี้หรือไม่ 

ขณะเดียวสมเด็จช่วงยังเข้าข่ายปฏิบัติหน้าที่ชอบในม.157 ที่ให้การช่วยเหลือปกป้องพระธัมมชโย ซึ่งถือว่าขัดพระลิขิตสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก พร้อมกันนี้ก็ยังพบว่าสมเด็จช่วงมีผลประโยชน์เกี่ยวข้องพระธัมมชโยอีกด้วย 

 นอกจากนี้ในวันที่ 9 มิถุนายน 2559 นายไพบูลย์ระบุว่า ที่วัดพระแก้ว ซึ่งมีการจัดงานพระราชพิธี สมเด็จฯต้องเป็นผู้นำสวดบทถวายพระพร 2 บท แต่กลับข้ามการสวด 2 บทนี้ไปจึงได้เรียกร้องให้สำนักงานพระพุทธศาสนาชี้แจงเหตุผลด้วย 

อย่างไรก็ตาม หากนายกรัฐมนตรีตรวจสอบและพบว่าสมเด็จช่วงมีความผิดจริงก็จะเข้าข่ายความผิดม.7 วรรค 3 ใน พรบ.คณะสงฆ์ ซึ่งถือว่าไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ และต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

..

 

ผสข.ปิยะธิดา เพชรดี