สถาบันเพื่อการฝึกอบรมและวิจัยแห่งสหประชาชาติหรือยูเอ็นไอทีเออาร์ กล่าวในรายงานว่า ศูนย์กลางการค้าในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะบริเวณช่องแคบมะละการะหว่างมาเลเซียกับอินโดนีเซีย กลายเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยจากกลุ่มโจรสลัดระดับโลกมากขึ้นเรื่อยๆ โดยสำนักงานการเดินเรือนานาชาติระบุว่า มีการจี้เรือสินค้าในบริเวณนั้นทั้งทำสำเร็จและอยู่ในขั้นพยายามรวมทั้งสิ้น 23 ครั้งระหว่างเดือนมกราคมถึงเดือนมีนาคม ส่วนใหญ่เกิดขึ้นที่นอกชายฝั่งของอินโดนีเซีย ยูเอ็นไอทีเออาร์ เตือนว่า การก่อเหตุจี้เรือสินค้าในภูมิภาคนี้อาจจะยิ่งรุนแรงมากขึ้นเนื่องจากศูนย์กลางการเดินเรือของโลกเริ่มมุ่งเข้าสู่ทวีปเอเชียมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนหน้านั้น กองเรือนานาชาติได้ร่วมกันลาดตระเวนในอ่าวอาเดนและมหาสมุทรอินเดีย ขณะเดียวกันเรือสินค้าเองเริ่มจัดกำลังเจ้าหน้าที่ติดอาวุธประจำเรือ ส่งผลให้จำนวนการก่อเหตุจี้เรือสินค้าลดลงอย่างชัดเจนในบริเวณนอกชายฝั่งของประเทศโซมาเลีย โดยเมื่อปีก่อน มีเรือสินค้า 28 ลำถูกโจมตีทางฝั่งตะวันตกของมหาสมุทรอินเดีย เทียบกับเหตุการณ์เมื่อเดือนมกราคม 2554 เมื่อกลุ่มโจรสลัดชาวโซมาลีสามารถจับกุมตัวประกัน 736 คน และเรือ 32 ลำ ด้านธนาคารโลกประเมินว่า การก่อเหตุจี้เรือสินค้าสร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจโลกราว 18,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ระบุว่าส่งผลให้ต้นทุนการค้าเพิ่มขึ้น