+++พล.อ..ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) จัดรายการคืนความสุขให้ประชาชน ขอกำลังใจจากทุกฝ่ายในการทำงาน ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นการทำงานของเจ้าหน้าที่ จะพยายามใช้กฎหมายปกติให้มากที่สุด ใข้กฎอัยการศึกให้น้อยลงและจะไม่ใช้กฎหมายมาทำให้เกิดความขัดแย้ง เร่งปราบปรามการพนัน อาวุธสงครามและยาเสพติด ซึ่งจะทำงานทุกอย่างอย่างเร็วที่สุด
+++ส่วนการยกเลิกการประกาศห้ามออกนอกบ้าน หรือเคอร์ฟิว ได้ยกเลิกไปหลายจังหวัด กำลังพิจารณาว่าจะยกเลิกได้ทุกพื้นที่หรือไม่ กำลังดำเนินการโดยเร็ว
+++ความสัมพันธ์ระหว่างต่างประเทศ หลายประเทศมีความเข้าใจมากขึ้น ได้หารือกับเอกอัครรราชทูตหลายประเทศ ให้ไปชี้แจงทำความใจ เพื่อที่จะมีการติดต่อ การเดินทางไปเยือนต่างประเทศ ตามเดิม และมีแผนจะเชิญผู้ประกอบการของหลายประเทศมาหารือ ให้เชื่อมั่นและลงทุนในไทยเหมือนเดิม เพื่อเรียกความเชื่อมั่นในเวทีต่างประเทศ ส่วนประเทศที่ไม่เห็นด้วย คสช. จะไม่ตอบโต้ ต้องใช้เวลาในการสร้างความเข้าใจ ให้ประเทศต่างๆเข้าใจการทำงานของคสช.
+++ส่วนการทำงานด้านการปฎิรูป 3เดือนแรก ประสบความสำเร็จไปได้มาก และเริ่มเข้าสู่แผนระยะที่สอง คาดว่าจะมีรัฐบาลในเดือนกันยายน เพื่อขับเคลื่อนประเทศต่อไป และประมาณเดือนตุลาคม จะเป็นการบริหารประเทศในลักษณะเป็นรัฐบาลที่มีคณะรัฐมนตรี
+++การกำหนดนโยบายต่างๆ หรือการเบิกจ่ายงบประมาณ เน้นการใช้จ่ายงบประมาณให้เกิดประโยชน์มากที่สุด โปร่งใส พิจารณาโครงการต่างๆ โดยเฉพาะโครงการขนาดใหญ่ วงเงิน 1,000 ล้านบาท ขึ้นไป หากตรวจสอบแล้วไม่เหมาะสม ก็ต้องหยุดดำเนินการ จะพิจารณาทั้งโครงการที่ยังไม่ดำเนินการและโครงการที่ได้อนุมัติดำเนินการไปแล้ว เพื่อป้องกันข้อสงสัย หัวหน้าคสช. ยืนยัน ต้องตรวจสอบเรื่องการทุจริต เพื่อประหยัดงบประมาณ
+++เรื่องเศรษฐกิจ มีการรายงานตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นที่ดีขึ้น แสดงว่านักลงทุนยังเชื่อมั่น และเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณ 2557 ให้รวดเร็วตามเป้าหมาย ร้อยละ 95 ให้เม็ดเงินไปกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ต้องผ่านการตรวจสอบจากคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ(คตร.) ยกเว้นจะไม่โอนงบประมาณไปยังโครงการที่ไม่ชัดเจน เพื่อใช้งบประมาณให้เกิดประโยชน์สูงสุด
+++ส่วนเรื่องการท่องเที่ยว หารือทุกภาคส่วนราชการเชิญชวนทุกประเทศที่มีความสัมพันธ์ทางด้านการค้า ให้เข้ามาเที่ยวในประเทศไทย จะสังเกตได้ว่า หลัง 22พ.ค.มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวมากขึ้น เห็นได้ว่าประเทศไทยมีสถานการณ์ที่ผ่อนคลายมากขึ้น
+++การชดเชยเงินให้กับเกษตรกรชาวนา เร่งจ่ายให้แล้ว 6แสนกว่าราย เกือบ 7หมื่นล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 79 คิดว่าน่าจะจ่ายเงินชดเชยได้ทันภายใน 22 มิ.ย. ตามกำหนดเดิม คสช.ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาบริหารจัดการข้าว เร่งรัดจัดทำมาตรการในการช่วยเหลือต่อไป
+++เช่นเดียวกับ การบริหารจัดการน้ำ มีการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางการดูแลเรื่องน้ำ ตาม แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 11 ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
+++พล.อ.ประยุทธ์ ขอบคุณผู้ประกอบการทั้งหมด เกี่ยวกับสินค้า อุปโภคบริโภค ที่มาประชุมและยืนยันที่จะตรึงราคาสินค้า 205 รายการ ในราคาเดิมต่อไปในอีก 6เดือนข้างหน้า
+++นอกจากนี้เร่งดำเนินการแก้ปัญหา แรงงานต่างด้าวที่ผิดกฎหมายประมาณ 9หมื่นราย กำลังดำเนินการโดยเน้นควบคุมดูแลแรงงานทุกประเภท และเร่งตั้งศูนย์พิสูจน์สัญชาติ ต้องขอความร่วมมือประเทศเพื่อนบ้าน เรื่องนี้ใช้เวลาพอสมควร คาดว่าจะดำเนินการให้เสร็จ1ปี
+++เรื่องของพลังงาน เน้นเรื่องพลังงานทดแทน ใช้ผลผลิตภายใปประเทศ เพื่อลดภาระการนำเข้าพลังงาน พร้อมทั้งอนุรักษ์ทรัพยากรด้วย ข้อมูลที่คสช. ได้รับมา ต้องนำมาวางแผนในการเตรียมการและใช้พลังงานอย่างประหยัดด้วย ให้ทุกฝ่ายไปเร่งดำเนินการ โดยเฉพาะเรื่องราคาต้องพิจารณาทั้งระบบ มีการรปับโครงสร้างทั้งระบบ โดยเฉพาะเรื่องกองทุนน้ำมัน คณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง ต้องไปศึกษาพิจารณาข้อมูลและทำความเข้าใจกับประชาชนด้วย เนื่องจากกองทุนยังติดลบอีกจำนวนมาก ให้เกิดความเป็นธรรมและเท่าเทียม
+++เรื่องการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ต้องมีบทบาทมากขึ้นและจะเรียกประชุมคณะกรรมการโดยเร็ว เนื่องจากมีโครงการจำนวนมากที่ขอรับการส่งเสริมการลงทุน 400กว่าโครงการ คิดเป็นวงเงินลงทุน 7.6แสนล้านบาท ให้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไปได้ มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้คนไทย เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่ม ส่งเสริมใช้พลังงานธรรมชาติ
++กำหนดกติกาในการดูแลเรื่องการบริหารงานของรัฐวิสาหกิจ ลดสิทธิผลประโยชน์ตอบแทนที่ไม่เหมาะสม เกี่ยวข้องกับข้อกฎหมายและผู้ถือหุ้น ที่ต้องเข้ามาดูและพิจารณาด้วย คสช. พยายามทำความเข้าใจกับทุกบอร์ด
+++มอบนโยบายให้กระทรวงศึกษาธิการ ให้ไปเร่งปรับระบบการศึกษาให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว เน้นการเรียนทางด้านวิชาชีพให้มากขึ้น และต้องพิจารณาปัญหาเรื่องการคืนเงินกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.)