หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งขาติ(คสช.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า วันนี้ได้มีการพิจารณาโครงการสำคัญหลายโครงการ ทั้งในส่วนของเกษตร การหาแหล่งน้ำสำรอง รวมถึงพิจารณากฎหมายที่จะเข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) เนื่องจากรัฐบาลต้องเป็นผู้ประสานกับส่วนราชการแทน สนช. ในฐานะของผู้บริหารราชการแผ่นดิน ส่วนคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) มีหน้าที่ในการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย ซึ่งยืนยันว่าคสช.ไม่เคยใช้อำนาจตามม.44 เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการตัดสินคดีทุจริตแม้ว่าจะสามารถทำได้ก็ตาม ส่วนตัวไม่เคยผู้ที่ออกมาต่อต้านเป็นศัตรู ขอเพียงแค่เข้ามาสู่กระบวนการยุติธรรมตามระบบ และสิ่งที่ต้องช่วยกันคือไม่ควรทำให้ปัญหาบานปลายโดยเฉพาะการนำไปสื่อสารกับต่างประเทศเพราะส่งผลต่อประเทศ ซึ่งส่วนตัวยืนยันไม่เคยเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทั้งที่สามารถชี้ผิดชี้ถูกได้ แต่จะปล่อยให้เป็นไปตามกฎหมาย จึงต้องการให้เข้าใจการทำงานของรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ บ้าง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ได้กำชับเรื่องการตัดต้นไม้ โดยตำหนิไปหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ตัดต้นไม้เพื่อแก้ปัญหา เช่น ตัดต้นไม้ที่ติดสายไฟ พร้อมขอให้ลองคิดใหม่ว่าจะย้ายสายไฟก่อนได้หรือไม่ หรือขยายถนนทำแนวถนนใหม่ทำแนวสายไฟใหม่ได้หรือไม่
ส่วนการดูแลรักษความปลอดภัยเดือนถือศีลอดของผู้นับถือศาสนาอิสลาม นายกรัฐมนตรีย้ำว่า ดูแลเหมือนทุกปี ให้ประชาชนปลอดภัย ซึ่งประชาชนต้องช่วยดูแลตัวเองด้วย เฝ้าระวัง ขณะนี้ปัญหาภาคใต้คือปัญหาการเฝ้าระวัง ความเกรงกลัวความไม่ปลอดภัย ซึ่งมองว่าทั้งหมดทำในกรอบกฎหมาย อาจมีข้อบกพร่องอยู่บ้างก็ต้องแก้ไข ไม่ใช่ใช้อาวุธต่อสู้ แต่ปัญหาอย่างเดียวคือสร้างการลงทุนในพื้นที่ไม่ได้ ซึ่งส่วนตัวไม่เคยห้ามมุสลิมหรือไทยพุทธ ทุกคนมีส่วนร่วมในการดูแลประเทศ นอกจากนี้ต้องทำให้ต่างชาติเห็นว่ารัฐบาลมีเจตนารมณ์บริสุทธิ์โดยการลดปัญหาชายแดนภาคใต้ พูดคุยอย่างสันติสุขภายในกรอบกฎหมาย หามาตรการรองรับให้ได้ทั้งสองฝ่าย
นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงการเตรียมไปปาฐกถางาน IISS Shangri-La Dialogue 15th Asia Security Summit ที่สิงคโปร์วันที่ 3 มิ.ย.นี้ ว่า จะเน้นย้ำเรื่องความมั่นคงในภูมิภาค สถานการณ์โลก สิ่งแวดล้อมโลก อาเซียน รวมทั้งปัญหาที่ต้องเผชิญหน้าร่วมกันมีอะไรบ้าง ความไม่สงบ ความยากจน เหลื่อมล้ำ การอพยพที่ไม่ปกติ การค้ามนุษย์ ซึ่งงานดังกล่าวเชิญผู้นำประเทศไปปีละคน จึงแสดงให้เห็นว่าเขาคงไม่รังเกียจตนเอง มีแต่คนในประเทศรังเกียจ ทั้งนี้ต้องระมัดระวังในการพูดไม่ให้เกิดปัญหาใหม่ ไม่อย่างนั้นจะอันตรายกับประเทศ ส่วนคำเตือนของหมอดูชื่อดังออกมาเตือนนายกรัฐมนตรีในเรื่องของการระมัดระวังคำพูดเพราะจะเกิดความขัดแย้ง โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า หากมีการเตือนมาก็รับฟัง ซึ่งที่ผ่านมาก็มีโมโหบ้างแต่ขอให้ให้อภัยกัน เพราะที่โมโหไม่ใช่เรื่องส่วนตัวแต่เป็นเรื่องงาน ที่กดดันตัวเองเพราะทำเพื่อประชาชน หลังให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเกือบ 50 นาที นายกรัฐมนตรีก็กล่าวติดตลกว่า ไม่พูดแล้วๆ ดาวอังคารเคลื่อนแล้ว ก่อนจะยุติการให้สัมภาษณ์