*เมืองไทยวันนี้ 7.30 น. *

ในวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นัดประชุมหารือ ตามที่ได้มอบให้หัวหน้าหน่วยต่างๆ ประชุมส่วนย่อยทั้ง 7 กลุ่มงาน โดยเฉพาะกลุ่มงานเศรษฐกิจ ซึ่งได้เชิญสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงการคลัง สรุปผลดำเนินการ รวมถึงแผนงานเร่งด่วน แผนการจัดการ เพื่อนำไปสู่ขั้นตอนการปฏิบัติต่อไป

พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ รองหัวหน้า คสช. ในฐานะหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ พร้อมคณะเดินทางไปมอบนโยบายแก่ผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม โดยจะเน้นไปที่การปรับกระบวนการให้ใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน (ร.ง.4) ความคืบหน้าเกี่ยวกับการตั้งบอร์ดบีโอไอ เพื่อเข้ามาเร่งอนุมัติโครงการที่รออยู่ และการเร่งมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี

เครือข่ายป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาคประชาชน เดินทางไปที่กองบัญชาการกองทัพบก ยื่นหนังสือเรียกร้องให้ คสช.ยกเลิกโครงการมอเตอร์เวย์เส้นทางบางปะอิน-ปากช่อง และให้ยกเลิกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาคประชาชน เนื่องจากมีการคัดเลือกอย่างไม่โปร่งใส

โดยในการที่ คสช. มีนโยบายปรับปรุงหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจ  โดยพล.อ.อ.ประจิน ในฐานะหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ เป็นประธานการประชุมหัวหน้าส่วนรัฐวิสาหกิจทั้ง 56 แห่ง และในวันนี้ จะส่งแผนงานให้ คสช. ตามที่ผู้บริหารหน่วยรัฐวิสาหกิจทุกแห่ง ชี้แจงแผนดำเนินการในระยะต่างๆ ปัญหาและอุปสรรค โดย คสช.ต้องการให้เศรษฐกิจมีความมั่นคง จึงต้องการให้รัฐวิสาหกิจปรับปรุงการทำงานให้มีความทันสมัย มีระเบียบและมาตรฐาน มีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถมาบริหารงานให้โปร่งใส ตรวจสอบได้ มีการกำกับดูแลกิจการที่ดี

ด้านนายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยกรณีที่คสช.เร่งจ่ายเงินให้ชาวนาตามโครงการรับจำนำข้าว ว่าเป็นนโยบายที่จะเรียกความเชื่อมั่นได้ดี เพราะทำให้มีเม็ดเงินหมุนเวียน  โดยเฉพาะสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการทำนา ซึ่งจะเห็นผลชัดเจนในช่วงปลายปี เพราะในช่วงแรกจะเป็นสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไปที่ได้รับผลบวกทันที  โดยกล่าวว่า ในช่วง 2-3 วัน หลังจาก คสช.ประกาศนโยบายเร่งจ่ายเงินจำนำข้าว ร้านค้าเกี่ยวกับเครื่องมือเกษตรต่างๆ ก็เริ่มสั่งสินค้า

ในส่วนของกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ คาดว่าในช่วงกลางปีนี้ จะมีการปรับลดเป้าหมายการผลิตรถยนต์ จากเดิมที่คาดว่าจะผลิตอยู่ที่ 2 ล้าน 4 แสนคัน เนื่องจากในช่วง 4 เดือนแรกมียอดขายในประเทศไม่มากนัก แต่การผลิตเพื่อส่งออกยังเป็นไปตามเป้าหมาย

ยังมีกรณีที่เรือน้ำมันอรพิน สูญหายไปในระหว่างการเดินทางบริเวณช่องแคบมะละกา จากสิงคโปร์ไปอินโดนีเซีย และคาดว่าจะถูกโจรสลัดปล้น  เรือลำนี้เป็นเรือบรรทุกน้ำมันสัญชาติไทย มีลูกเรือรวม 14 คน ทางคสช. ได้ให้กระทรวงการต่างประเทศของไทยประสานกับทั้งสองประเทศเพื่อให้ความช่วยเหลือ

*-*