สำนักข่าวอัลจาซีเราะห์ของกาตาร์รายงานอ้างนายโคลัมบ์ สแตร็ก นักวิเคราะห์เรื่องตะวันออกกลางจากสถาบันวิจัยกลาโหม ไอเอชเอส เจนส์ของสหรัฐฯว่า กลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส)แห่งอิรักและซีเรียสูญเสียดินแดนที่ยึดครองไว้ร้อยละ 14 หรือ 12,800 ตารางกิโลเมตรในปีนี้ เหลือดินแดนในความควบคุมราว 78,000 ตารางกิโลเมตรระหว่างต้นปีนี้มาถึงวันที่ 14 ธันวาคม
ขณะเดียวกันกองกำลังชาวเคิร์ดในซีเรียสามารถยึดพื้นที่ได้มากกว่าเดิมเกือบ 3 เท่า สะท้อนถึงความล้มเหลวเชิงยุทธศาสตร์ของกลุ่มไอเอสที่มีเป้าหมายคือ การบุกเข้ายึดครองและขยายเขตแดนของรัฐอิสลามที่พวกเขาต้องการจัดตั้งตามหลักกฎหมายอิสลามที่ตีความแบบสุดโต่ง การสูญเสียจุดผ่านแดนที่เมือง ทาล อับยาด กระทบการเงินของกลุ่มไอเอสอย่างรุนแรง ตั้งแต่ก่อนที่สหรัฐฯ และพันธมิตรจะเริ่มทิ้งระเบิดโจมตีโรงกลั่นน้ำมันของกลุ่มไอเอส
กลุ่มไอเอสยังสูญเสียเมืองยุทธศาสตร์ทาล อับยาด ติดพรมแดนซีเรีย-ตุรกี เมืองติกริตและโรงกลั่นน้ำมันไบจีในอิรัก และสูญเสียการควบคุมทางหลวงเส้นหนึ่งที่เชื่อมระหว่างเมืองรอกเกาะห์ในซีเรียกับ เมืองโมซุลทางตอนเหนือของอิรัก ส่งผลให้การลำเลียงอาวุธยุทโธปกรณ์ทำได้ยากมากขึ้น
ส่วนรัฐบาลอิรักสามารถทวงดินแดนคืนจากกลุ่มไอเอสได้ร้อยละ 6 ในปีนี้ ในขณะที่ชาวเคิร์ดในอิรักได้ดินแดนกลับคืนราวร้อยละ 2 สำหรับฝ่ายที่เสียดินแดนมากไม่แพ้กันคือ รัฐบาลประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด เสียดินแดนให้กับกลุ่มไอเอสร้อยละ 16 เหลือพื้นที่อยู่ในความควบคุมของรัฐบาลราว 30,000 ตารางกิโลเมตร หรือไม่ถึงครึ่งของที่ไอเอสยึดได้ และน้อยมากเมื่อเทียบกับพื้นที่ 185,000 ตารางกิโลเมตรของซีเรียทั้งประเทศ/19.21 น.