นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ทางสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) มีความมั่นใจว่าในปีหน้าจะมีการยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนสูงถึง 4 แสน 5 หมานล้านบาท จากที่คาดว่าในปีนี้จะมีการยื่นขอรับส่งเสริม 2 แสน 1 หมื่นล้านบาทหรือเพิ่มกว่า 2 เท่าตัวเนื่องจากนักลงทุนเริ่มมีความเข้าใจนโยบายส่งเสริมการลงทุนใหม่ของบีโอไอมากขึ้น โดยในไตรมาส 4 ของปีนี้นักลงทุนจากญี่ปุ่นกลับเข้ามาเป็นอันดับ 1 ของนักลงทุนตรงจากต่างประเทศอีกครั้งในสัดส่วนร้อยละ 30 ของการลงทุนจากต่างประเทศ โดยในปีหน้า จะเน้นไปที่ 10 ประเทศเป้าหมาย ซึ่งในขณะเดียวกันก็จะต้องนำนักธุรกิจไทยไปลงทุนต่างประเทศเช่นกัน
นายสุรพงษ์ เจียสกุล เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยรายงานการวิเคราะห์ภาวะเศรษฐกิจการเกษตรในปี 2558 พบว่า หดตัวร้อยละ 4.2 เมื่อเทียบกับปี 2557 โดยสาขาพืช สาขาประมง และสาขาบริการทางการเกษตร หดตัวลง ขณะที่สาขาปศุสัตว์และสาขาป่าไม้ ขยายตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งเกิดจากปัจจัยต่างๆ โดยเฉพาะปัญหาภัยแล้ง และการยกเลิกสัมปทานประมงในน่านน้ำของประเทศอินโดนีเซีย และการปฏิบัติตามกฎหมายประมงฉบับใหม่ เพื่อแก้ไขปัญหาการทำประมงให้ถูกต้องและยั่งยืน
แนวโน้มเศรษฐกิจการเกษตรปี 2559 คาดว่าจะขยายตัวอยู่ในช่วงร้อยละ 2.5-3.5 เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มฟื้นตัว มีการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนภาคเกษตรมากขึ้น และสถานการณ์ดินฟ้าอากาศที่จะไม่รุนแรงไปกว่าปีนี้ อีกทั้งคาดว่าราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ ทำให้ต้นทุนการผลิตไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง รวมทั้งนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล ซึ่งจะส่งผลดีต่อการขับเคลื่อนภาคเกษตรไทยให้กลับมาฟื้นตัวในทิศทางบวก
ปัญหาภัยแล้ง นายสุเทพ น้อยไพโรจน์ อธิบดีกรมชลประทาน ทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัด 22 จังหวัดในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาและผู้นำท้องถิ่น ขอให้งดสูบน้ำเข้าพื้นที่การเกษตรและช่วยลงพื้นที่ ชี้แจงทำความเข้าใจกับกลุ่มผู้ใช้น้ำ เกษตรกรในพื้นที่ และขอความร่วมมือประชาชน ช่วยกันประหยัดน้ำอย่างจริงจัง เพื่อให้ผ่านพ้นวิฤกติภัยแล้งไปให้ได้ เนื่องจากปริมาณน้ำในเขื่อนหลัก 4 แห่ง ที่เป็นน้ำใช้การได้ 4,014 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยกรมชลประทานได้วางแผนจัดสรรน้ำไว้ครอบคลุมกิจกรรมหลักคือการอุปโภค บริโภค รักษาระบบนิเวศและผลักดันน้ำเค็ม จะปล่อยระบายจากเขื่อน วันละ 15 ล้าน 6 แสนลูกบาศก์เมตร คงอัตรานี้ไปจนถึงฤดูฝนปีหน้าเดือนกรกฏาคม โดยเตรียมปริมาณน้ำไว้สำหรับในกรณีเกิดภาวะฝนทิ้งช่วงขึ้นอีก ซึ่งตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่าปีหน้า ยังเป็นปีที่ฤดูฝนจะมาล่าช้า
ส่วนความคืบหน้าของอุบัติเหตุรถบัสโดยสาร นำนักท่องเที่ยวชาวจีน สัญชาติมาเลเซีย ที่เสียหลักตกถนน ที่บริเวณ กม.42 ถนนสายเชียงใหม่-เชียงราย เขตบ้านปางแฟน ต.ป่าเมี่ยง อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 14 ศพและผู้บาดเจ็บอีก 11 คน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 20 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาข้อหาขับรถโดยประมาท เป็นเหตุให้ ผู้อื่นบาดเจ็บและเสียชีวิตและทำให้ทรัพย์สินของผู้อื่นเสียหาย ต่อนายสมพร บัวหลวง ผู้ขับขี่รถบัส ที่ยังรักษาอาการบาดเจ็บอยู่ที่โรงพยาบาลนครพิงค์ เชียงใหม่ เนื่องจากพบว่า นายสมพรขับรถเฉี่ยวชนคันอื่นแล้วหลบหนี ผ่านด่านเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 ด่าน แล้วมาประสบอุบัติเหตุ แต่นายสมพรกลับให้การอ้างว่ารถเบรกแตกทำให้เสียหลัก พุ่งลงเขา
ขณะที่ พ.ต.ท.มาโนช สุดสวาสดิ์ รองผกก (ป.) สภ.ดอยสะเก็ด ประชุมพนักงานสอบสวนเพื่อดูแลให้ความช่วยเหลือญาติผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต โดยมีการจัดทำเอกสารต่างๆ รวมทั้งการรวบรวมทรัพย์สินเพื่อนำไปขอใบมรณบัตรเคลื่อนย้ายศพพร้อมกับเรียกเจ้าของรถที่ถูกรถบัสเบียดตกถนนไปชนกับเสาไฟฟ้าก่อนที่รถบัสจะเสียหลักพลิกคว่ำมาสอบปากคำเพิ่มเติม
โดยเมื่อวานนี้ เจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตมาเลเซีย ประจำประเทศไทยเดินทางมาที่เชียงใหม่และเข้าเยี่ยมผู้ได้รับบาดเจ็บตามโรงพยาบาลต่างๆ ขณะที่ญาติของผู้เสียชีวิตชาวมาเลเซียบางส่วเดินทางมารับศพญาติและรับทรัพย์สินนำกลับประเทศมาเลเซียแล้ว
สรุปผู้เสียชีวิตรวม 14 ศพ ชาย 5 หญิง 9 คนเป็นนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย 13 ราย และไกด์หญิงชาวไทย 1 ราย บาดเจ็บ 12 ราย
ในวันพรุ่งนี้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) จะเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการถนนพหลโยธิน - รัตนโกสินทร์ สมโภชอย่างเป็นทางการ เพื่อลดปัญหาการจราจรติดขัดจากการสร้างรถไฟฟ้าสายหมอชิต-สะพานใหม่- คูคต ระยะทางรวม 5.25 กม. แนวเส้นทางเริ่มจาก ถนนพหลโยธินบริเวณซอย 50 ไปบรรจบกับถนนสุขาภิบาล 5 ในแนวตะวันออก-ตะวันตก โดยเชื่อมเป็นโครงข่ายถนน และขณะนี้กำลังเชื่อมต่ออีก 2 สายคือ จากพหลโยธิน 50 ไปบรรจบกับถนนวิภาวดีรังสิตด้านตะวันตก รวมระยะทาง 3 กม. ซึ่งเวนคืนที่ดินได้ร้อยละ 80 และเส้นทางจากถนนสุขาภิบาล 5 จุดสิ้นสุดโครงการไปบรรจบถนนนิมิตรใหม่ ด้านตะวันออก ระยะทาง 9 กม. ซึ่งเวนที่ดินได้ร้อยละ 80 เช่นกัน
ปิดท้ายที่ รศ.บุญรักษา สุนทรธรรม ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สดร. กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) เปิดเผยว่าในวันนี้ หรือ วันที่ 22 ธันวาคมของทุกปี เรียกว่า "วันเหมายัน" หรือ The Winter Solstice ซึ่งดวงอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันออกเฉียงไปทางใต้มากที่สุด และจะตกทางทิศตะวันตกเฉียงไปทางใต้มากที่สุด ส่งผลให้ช่วงกลางคืนยาวกว่ากลางวัน โดยจะยาวนานกว่า 13-14 ชั่วโมง
นอกจากนี้ ยังมี "วันวสันตวิษุวัติ" หรือ The Vernal Equinox occurs เกิดขึ้นทุกๆ วันที่ 21 มีนาคมของทุกปี โดยดวงอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันออก และตกทางทิศตะวันตกพอดี จากปกติจะเฉียงไปทางใต้หรือเหนือเล็กน้อย ส่งผลให้เป็นวันที่มีกลางวันเท่ากับกลางคืนพอดี
"วันครีษมายัน" หรือ The Summer Solstice เกิดขึ้นทุกวันที่ 21 มิถุนายน โดยดวงอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันออกเฉียงไปทางเหนือและตกทางทิศตะวันตกเฉียงไปทางเหนือมากที่สุดทั้งคู่ ส่งผลให้ช่วงกลางวันยาวกว่ากลางคืน โดยกลางวันจะนานที่สุดประมาณ 13-14 ชั่วโมง
และ "วันศารทวิษุวัต" หรือ The Autumnal Equinox เกิดขึ้นทุกวันที่ 23 กันยายนของทุกปี โดยดวงอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันออก และตกทางทิศตะวันตกพอดี เหมือนกับวันที่ 21 มิถุนายน ดังนั้น ทุกๆ ปีจะมีช่วงกลางวันและกลางคืนเท่ากันเกิดขึ้นปีละ 2 ครั้งเท่านั้น
จากปรากฏการณ์เหล่านี้ ทางฝั่งยุโรปจะนำไปใช้ในการแบ่งฤดูกาล โดยทุกวันที่ 21 มีนาคมจะเป็นวันแรกของการเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ หรือฤดูฝน วันที่ 21 มิถุนายนเป็นวันแรกเริ่มของฤดูร้อน ส่วนวันที่ 23 กันยายนจะเป็นวันแรกของการเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง และวันที่ 22 ธันวาคมจะเข้าสู่ฤดูหนาว แต่สำหรับประเทศไทยจะไม่นับวันเหล่านี้ในการแบ่งฤดูกาล เนื่องจากฤดูกาลแตกต่างกัน โดยประเทศไทยจะแบ่งออกเป็น 3 ฤดู ฤดูละ 4 เดือน คือ ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนไปจนถึงกันยายน เป็นช่วงฤดูหนาว เดือนมีนาคมไปจนถึงมิถุนายนเป็นช่วงฤดูร้อน และเดือนกรกฎาคมไปจนถึงตุลาคมเป็นช่วงฤดูฝน อย่างไรก็ตาม การใช้ประโยชน์จากการขึ้นและตกของดวงอาทิตย์นับเป็นจุดเริ่มของการเกิดปฏิทินในปัจจุบัน
*-*