+++การหารือระหว่างพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) และ นายแดเนียล รัสเซล ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ด้านกิจการเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ได้ใช้โอกาสนี้ย้ำถึงเจตนารมณ์ที่สำคัญในการบริหารประเทศ รักษาสมดุลระหว่างระบอบประชาธิปไตยและการคำนึงถึงสิทธิเสรีภาพของประชาชน และ ความมีเสถียรภาพและความมั่นคงของชาติ เพื่อให้ประเทศไทย หลุดพ้นวงจรปัญหาทางการเมืองเดิม ย้ำว่า เป้าหมายหลักของรัฐบาลคือ เป็นการวางรากฐานให้ประเทศไทยมีประชาธิปไตยที่มั่นคง
+++นายแดเนียล กล่าวว่า ปัจจุบันรัฐบาลสหรัฐฯ มีความเข้าใจต่อสถานการณ์ในประเทศไทยมากขึ้น แต่ยอมรับว่า สาธารณชนทั่วไปและสื่อมวลชนสหรัฐฯ ยังขาดความเข้าใจที่แท้จริงเกี่ยวกับประเทศไทย ในบางประเด็น เช่น เรื่องสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก สิทธิมนุษยชนและประเด็นเรื่องการค้ามนุษย์ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในเรื่องสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก รัฐบาลให้เสรีภาพสื่อและประชาชนในการแสดงออก ไม่ได้ปิดกั้น แต่ต้องไม่สร้างความขัดแย้งในสังคมเพิ่ม
+++นอกจากนี้ ได้ให้ความสำคัญกับการมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในกระบวนการ ซึ่งสามารถแสดงความเห็นอย่างสร้างสรรค์ สำหรับประเด็นเรื่องสิทธิมนุษยชนและการค้ามนุษย์ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปัจจุบันไทยมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้เพียงฉบับเดียวเกี่ยวกับการจับกุมผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ซึ่งมีหลักเกณฑ์ว่า ถ้ามีผู้ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ต้องมีการดำเนินการ 2 อย่างคือ ให้มีการพิสูจน์สัญชาติและส่งตัวกลับประเทศต้นทาง หรือ สองถ้าผู้ถูกจับกุมได้ มีหมายจับต้องนำส่งประเทศนั้นๆ ปัจจุบัน รัฐบาลกำลังเร่งแก้กฎหมายฉบับนี้อยู่ สำหรับประเด็นการค้ามนุษย์ รัฐบาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวผู้ต้องหาที่เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงทั้งทหารและตำรวจ ในขณะนี้มีเจ้าหน้าที่จำนวนมากโดนจำกุมตัวอยู่ในเรือนจำ โดยไม่ได้รับการละเว้นในตอนท้าย นายแดเนียล แสดงความพอใจที่ได้พบหารือกับนายกรัฐมนตรีในวันนี้ และจะรายงานผลการหารือที่เป็นประโยชน์ ไปยังกรุงวอชิงตัน ดีซี เพื่อให้สหรัฐฯ มีความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ในประเทศไทยมากขึ้น และยืนยันความต้องการที่จะร่วมมือกับประเทศไทย อย่างสร้างสรรค์ในระดับทวิภาคีและเวทีระหว่างประเทศต่อไป
+++ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นายธนสิทธิ์ นิลกำแหง ประธานแผนกคดีเลือกตั้ง เจ้าของสำนวน และผู้พิพากษาองค์คณะ รวม 9 คน ได้ออกนั่งบัลลังก์ เพื่อตรวจพยานหลักฐานในคดีหมายเลขดำ อม. 2/2558 ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี, พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรี, พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีต ผบช.น. (ทั้งหมดดำรงตำแหน่งเมื่อปี 2551) เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต มาตรา 157 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตรา 295 และ 302 กรณีเมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2551 รัฐบาลนายสมชาย มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ที่ปิดล้อมทางเข้ารัฐสภา วันนี้โจทก์ และจำเลย ได้เสนอบัญชีพยานโดยโจทก์ขอนำพยานเข้าไต่สวน จำนวน 66 ปาก ส่วนจำเลย ขอนำพยานเข้าไต่สวนจำนวน 954 ปาก องค์คณะประชุมคู่ความทั้งสองแล้วพิจารณาแล้วเห็นควรอนุญาตให้โจทก์นำพยานเข้าสืบ 28 ปาก ส่วนจำเลยนำพยานเข้าสืบ 106 ปาก ซึ่งมีพยานที่ซ้ำกันของโจทก์และจำเลยจำนวน 19 ปาก กำหนดนัดไต่สวนพยานครั้งแรกในวันที่ 8 เม.ย. 2559 และสืบพยานนัดสุดท้ายในวันที่ 29 เม.ย. 2560 รวม 20 นัด
+++รายงานข่าว ใกล้ชิดน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ไม่อนุญาตให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ขอเดินทางออกนอกประเทศ ในกรณีที่จะพา เด็กชายศุภเสกข์ อมรฉัตร หรือน้องไปป์ บุตรชาย ไปทัศนศึกษาที่ประเทศญี่ปุ่น โดยศาลได้แจ้งคำสั่งให้ทราบแล้วหลังจากที่ทนายความได้ยื่นคำร้องขอต่อศาลว่า อดีตนายกรัฐมนตรี มีความประสงค์จะเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นในช่วงวันที่ 15-25 ธันวาคม 2558 เพื่อพาบุตรชายไปทัศนศึกษา เนื่องจากเป็นช่วงปิดภาคเรียน ในช่วงฤดูหนาว ซึ่งอดีตนายกรัฐมนตรี ก็ต้องการใช้เวลากับลูกในช่วงปิดภาคเรียน
+++ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) นายจาตุรงค์ จันทรังษ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กนง. นัดสุดท้ายของปี มีมติเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 1.50 ต่อปี เนื่องจากคณะกรรมการเห็นว่าเศรษฐกิจไทยปี 2558 ภาพรวมมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นกว่าที่เคยประเมินไว้เล็กน้อย แนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจปี 2558 และ 2559 ใกล้เคียงกับที่เคยประเมินไว้ คือ ร้อยละ 2.7 และ 3.7 ตามลำดับ โดยจะมีการปรับประมาณการณ์เศรษฐกิจอีกครั้งในวันที่ 25 ธันวาคมนี้ อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยยังต้องเผชิญความเสี่ยงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและเอเชีย รวมถึงราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ยังอยู่ระดับต่ำ เห็นว่าการที่ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงมีส่วนกระตุ้นการบริโภคและช่วยพยุงไม่ให้การบริโภคทรุดตัวลงมาก แม้ว่าเศรษฐกิจ จะเผชิญหลายปัจจัยลบ
+++การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คาดว่า จะขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 15-16 ธันวาคมนี้ จะทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นและเงินทุนต่างชาติไหลกลับ แต่จะส่งผลกระทบกับแต่ละประเทศไม่เท่ากัน โดยขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของแต่ละประเทศ ซึ่งไทยถือว่ามีความแข็งแกร่งพอสมควรและเคยเผชิญเหตุวิกฤติทางเศรษฐกิจมาแล้วหลายครั้ง
+++หุ้นไทยปิดตลาด ลดลง 1.39จุด ที่ระดับ 1,299.12จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 48,662.37ล้านบาท
+++การลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ ดัชนีนิเคอิ ตลาดหุ้นโตเกียวญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 484.01 จุด ปิดที่ 19,049.91 จุด ฮั่งเส่ง ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 426.84 จุด ปิดที่21,701.21 จุด
+++ศาลอาญา อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 2 และธนาคารกรุงเทพฯพาณิชย์การ จำกัด (มหาชน) หรือบีบีซี ร่วมกัน เป็นโจทก์ฟ้องนายเกริกเกียรติ ชาลีจันทร์ อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ บีบีซี, นายจิตตสร ปราโมช ณ อยุธยา อดีตรองผู้อำนวยการ สำนักกรรมการผู้จัดการใหญ่, ม.ร.ว.ดำรงเดช ดิศกุล อดีต ผู้บริหารอาวุโส สำนักบริหารเงินและวิเทศกิจ และ ม.ร.ว.หญิงสุภาณี สารสิน หรือ ดิศกุล อดีตรองผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บีบีซี ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานร่วมกันยักยอกทรัพย์ กรณีเมื่อเดือน พฤษภาคม 2538 – กรกฎาคม 2539 จำเลยทั้งสี่และนายราเกซ สักเสนา อดีตที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการใหญ่ บีบีซี ร่วมกันวางแผนอนุมัติขายหุ้นเพิ่มทุนของบีบีซี โดยไม่ตรวจสอบประวัติฐานะของบริษัทผู้เข้ามาจองซื้อหุ้น จำนวน 260 ล้านหุ้น โดยมีนายราเกซ เป็นผู้รับมอบอำนาจการซื้อขายหุ้น
+++ศาลฎีกา เห็นว่าพยานหลักฐานที่โจทก์และโจทก์ร่วมนำสืบ แสดงให้เห็นพฤติกรรมของจำเลยที่ 2 -4 ว่ามีส่วนรู้เห็นในกระบวนการยักย้ายถ่ายเทหุ้นได้รับผลประโยชน์เป็นส่วนตัว ทำให้โจทก์ร่วมได้รับความเสียหายจนต้องปิดกิจการ และพยานหลักฐานของฝ่ายจำเลยไม่มีน้ำหนัก ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษามา ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยที่ 2 -4 ฟังไม่ขึ้น ทั้งนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2548 ให้จำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 20 ปี ปรับ 472,122,946.02 ดอลลาร์สหรัฐ และให้นับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากศาลอาญากรุงเทพใต้ที่พิพากษาจำคุกจำเลยที่ 1 ในข้อหายักยอกทรัพย์ด้วย ส่วนจำเลยที่ 2-4 จำคุกคนละ 6 ปี 8 เดือน และปรับคนละ666,666.66 บาท รวมทั้งให้จำเลยที่ 1 คืนเงินบีบีซี จำนวน167,090,118.28 ดอลลาร์สหรัฐ หากใช้เป็นเงินบาทให้คำนวณตามอัตราแลกเปลี่ยนเงินปัจจุบัน โดยให้จำเลยที่ 2-4 ร่วมชดใช้เงินกับจำเลยที่ 1 เป็นเงิน 85,733,882.04ดอลลาร์สหรัฐ หากไม่ชำระค่าปรับให้จัดการยึดทรัพย์สิน จำเลยยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยทั้งสี่ยื่นฎีกา โดยระหว่างพิจารณาคดีจำเลยที่ 1 เสียชีวิต
+++คดีอาชญากรรมสะเทือนขวัญ การตัดสินคดีคดีฆ่า ด.ญ.เกตุมาตุ รำนา หรือ ‘น้องเพลง’ เด็กหญิงชาวตรัง วัย 11 ขวบ หลังจากมีคนพบศพน้องเพลงเมื่อช่วงเช้าวันที่ 12 พ.ค.2557 อยู่ในท่อระบายน้ำ บริเวณ ถ.สายวัดพระงาม-บ้านควน พื้นที่หมู่ 7 ต.บ้านโพธิ์ อ.เมือง จ.ตรัง ศาลจังหวัดตรัง ได้อ่านคำพิพากษาให้ลงโทษประหารชีวิต นายประถมพงษ์ หมื่นบาล หรือแต๋ม อายุ 35 ปี ชาว ต.ทับเที่ยง อ.เมือง จ.ตรัง ผู้ต้องหาตามหมายศาลจังหวัดตรัง ที่ จ. 177/2557 โดยแจ้งข้อกล่าวหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน พรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อการอนาจาร ซ่อนเร้น ย้าย หรือทำลายศพ หรือส่วนของศพ เพื่อการปิดบังการตาย หรือเหตุแห่งการตาย ตั้งแต่ชั้นจับกุม ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
+++คดีนี้ พนักงานสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน โดยร่วมกับแพทย์นิติเวชจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กองพิสูจน์หลักฐาน จ.ตรัง และศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 10 (ศชต.) ได้เก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุ รวมทั้งพยานแวดล้อม และพยานน่าเชื่อถืออื่นๆ กล้อง CCTV ที่สามารถจับภาพเหตุการณ์ได้บางส่วน เมื่อนำมาประกอบกันแล้ว มีหลักฐานชี้ชัดว่า คนร้ายในคดีนี้ คือ นายประถมพงษ์ จึงเสนอศาลออกหมายจับได้ ก่อนที่พนักงานอัยการ จะส่งฟ้องผู้ต้องหาต่อศาลจังหวัดตรัง เข้าสู่กระบวนการสืบพยาน จนกระทั่งศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาให้ประหารชีวิตจำเลย คาดว่าจะยื่นขอประกันตัวเพื่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ต่อไป
+++บรรยากาศบริเวณลานหน้าศาลจังหวัดตรัง ได้มีนางพนมวรรณ หรือแมว รำนา อายุ 37 ปี แม่ของน้องเพลง และญาติๆ รอฟังคำตัดสินของศาลชั้นต้น ในวันนี้ หลังทราบคำพิพากษา นางพนมวรรณ ก็ยิ้มออกมาทั้งน้ำตานองหน้า พร้อมกล่าวว่า เชื่อมั่นว่าความยุติธรรมในโลกใบนี้ ในสังคมนี้ยังมีอยู่ ขอขอบคุณไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ที่พยายามทุ่มเททำงานและให้ความสำคัญในการติดตามคดีของน้องเพลง ส่วนเรื่องของคดีความ ขอให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม
+++รอยเตอร์ รายงานว่า นายแอชตัน คาร์เตอร์ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ เดินทางเยือนกรุงแบกแดด ของอิรัก เพื่อหารือกับผู้บัญชาการกองทัพสหรัฐฯ เรื่องวิธีการเพิ่มการโจมตีกลุ่มรัฐอิสลาม(ไอเอส)ให้หนักยิ่งขึ้น พร้อมทั้งเรียกร้องให้พันธมิตรของสหรัฐฯมีส่วนร่วมมากขึ้นในการปราบปรามกลุ่มไอเอส รัฐบาลสหรัฐฯต้องการเร่งเดินหน้าขจัดปัญหาที่ต้นตอคือการปราบปรามกลุ่มไอเอสในอิรักและซีเรียก่อนที่ภัยคุกคามนี้จะแผ่ขยายไปทั่วทุกมุมโลก สหรัฐฯ พร้อมส่งคณะที่ปรึกษาทางทหารและเฮลิคอปเตอร์จู่โจมเพื่อช่วยเหลือกองกำลังรัฐบาลอิรักยึดเมืองรามาดี ทางตะวันตกของกรุงแบกแดด กลับคืนจากกลุ่มไอเอส
+++ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน เรียกร้องให้ประเทศต่างๆเคารพอำนาจอธิปไตยทางไซเบอร์ของกันและกัน และใช้รูปแบบการกำกับดูแลอินเตอร์เน็ตที่แตกต่างกัน เรียกร้องให้ประเทศต่างๆร่วมมือกันทำงานเพื่อความมั่นคงของระบบอินเตอร์เน็ต และไม่ควรใช้วิธีการโจมตีทางไซเบอร์เพื่อทำลายความมั่นคงแห่งชาติของประเทศอื่น ประเทศต่างๆควรมีสิทธิ์ในการเลือกวิธีการพัฒนาและกำกับดูแลอินเตอร์เน็ตเอง ผู้นำจีนพูดเรื่องนี้ในที่ประชุมอินเตอร์เน็ตโลก ซึ่งเปิดฉากขึ้นในมณฑลเจ้อเจียงของจีนในวันนี้ ผู้ร่วมประชุมครั้งนี้รวมถึงผู้นำจากรัสเซีย ปากีสถาน คาซัคสถาน และตัวแทนจากกลุ่มบริษัทเทคโนโลยี จีนถูกวิจารณ์ว่าเข้มงวดมากในการกำกับดูแลอินเตอร์เน็ต โดยเฉพาะการปิดกั้นการเข้าถึงเว็บไซต์และตรวจสอบข้อความที่เผยแพร่ทางเว็บไซต์ต่างๆ จีน มีปัญหาขัดแย้งกับสหรัฐฯ เนื่องจากข้อครหาเรื่องการแอบล้วงข้อมูลลับทางการค้าและข้อมูลภาครัฐของอีกฝ่ายหนึ่ง