การตอบโต้ระหว่างพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และพล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมกรณีการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ พล.อ,ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลโหม ระบุว่า ส่วนตัวไม่ได้มีการเคลียร์ใจกับบุคคลดังกล่าว เพราะทั้งสองคนไม่ได้ทะเลาะหรือขัดแย้งซึ่งกันและกัน ส่วนที่พล.อ.ไพบูลย์ ระบุว่า มีการทุจริตนั้นไม่ได้หมายถึงตัวของโครงการ และไม่ได้เกี่ยวข้องกับพล.อ.อุดมเดช ดยกองทัพบกได้ตรวจสอบแล้วและไม่พบว่าพล.อ.อุดมเดชเกี่ยวข้องกับการทุจริต แต่อาจจะเป็นเจ้าหน้าที่ระดับล่าง ขณะนี้คณะกรรมการของกระทรวงกลาโหม กำลังตรวจสอบข้อเท็จจริงอยู่ พร้อมยืนยันว่าไม่มีความขัดแย้งกันในคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ส่วนตัวได้พูดคุยกับพล.อ.ไพบูลย์แล้วโดยไม่ได้สั่งห้ามการให้ข่าวกับสื่อมวลชนแต่อย่างใด
ส่วนการเผยแพร่แผนผังการทุจริตอุทยานราชภักดิ์ นั้น พล.อ.ประวิตร ยืนยันว่า แผนผังดังกล่าวไม่เป็นความจริงและส่วนตัวไม่จำเป็นต้องออกชี้แจง ซึ่งขณะนี้มีคนยอมรับแล้วว่าเขียนขึ้นมาเอง ส่วนตัวมองว่าทำเช่นนี้จะทำให้เกิดความขัดแย้งและกระทบต่อความมั่นคง โดยผู้ที่กดไลค์จะถูกดำเนินคดีด้วย ส่วนใหญ่ทุกคนก็ต้องทราบกฎหมายอยู่แล้ว และจะดำเนินคดีกับทุกคน พร้อมทั้งปฏิเสธตอบคำถามว่ามีฝ่ายการเมืองเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวหรือไม่ด้วย
ส่วนที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ที่มติเลือกพล.ต.อ.วัชรพล ประสานราชกิจ เป็นประธานป.ป.ช. นั้น พล.อ.ประวิตร ระบุว่า มติดังกล่าวเป็นคะแนนเสียงข้างมากของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งไม่ได้มีการลอบบี้ แม้จะเคยทำงานใกล้ชิดกันมาก่อน ส่วนตัวไม่ต้องกำชับเรื่องใดเป็นพิเศษ เพราะผ่านการคัดเลือกมาหลายขั้นตอนแล้ว และไม่ได้เป็นการล็อบบี้ของ คสช. แต่อย่างใดส่วนกรณีที่พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ หัวหน้าพนักงานสอบสวนค้ามนุษย์ที่ลี้ภัยไปต่างประเทศ พล.อ.ประวิตร กล่าว่า หากต้องการเรียกร้องความเป็นธรรมก็ขอให้เดินทางกลับมา หรือมีข้อมูลอย่างไรก็ขอให้นำมาชี้แจง พร้อมยืนยันว่าจะดูแลความปลอดภัยเป็นอย่างดี ซึ่งขณะนี้พล.ต.อ จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบแล้ว
สำหรับ การเสนอข่าวของสำนักข่าวต่างประเทศ ว่ามีโรงงานในประเทศไทยใช้แรงงานทาส พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ขณะนี้ศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย หรือ ศปมผ.ได้ทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่ 22 จังหวัดที่ติดชายทะเล โดยได้จับกุมจำนวนมาก ซึ่งทุกสิ้นเดือนจะรายงานไปยังอียูได้รับทราบ พร้อมยืนยันว่า จะดำเนินการทุกพื้นที่อย่างครอบคลุมและปราบปรามอย่างจริงจังในเรื่องการค้ามนุษย์ นอกจากนี้มั่นใจว่าประเทศไทยจะสามารถขยับขึ้นจากเทียร์ 3 เป็นเทียร์ 2 ได้ตามรายงานการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์