เมืองไทยฯ(2):กสทช.เปิดประมูช4จี/ทูตไทยแนะการแสดงความหวังดีต้องมีวิธีการที่เหมาะสม/ผู้นำกัมพูชาเตรียมเยือนไทย*

15 ธันวาคม 2558, 08:28น.


ในวันนี้ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) จะเปิดประมูลคลื่นความถี่โทรศัพท์ 4จี ย่าน 900 เมกะเฮิรตซ์ เริ่มตั้งแต่เวลา 9.00 น. และคาดว่าอาจใช้เวลาข้ามวัน



ศูนย์วิจัยทองคำแถลงข่าวความเชื่อมั่นราคาทองคำของเดือนธันวาคม ซึ่งยังมีปัจจัยจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะมีการประชุมในระหว่างวันที่ 15-16 ธันวาคมนี้ และในวันพรุ่งนี้ คณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย (กนง.) จะประชุมนัดสุดท้ายของปี 2558 ต้องติดตามว่าจะมีการตอบรับนโยบายของเฟดอย่างไร รวมถึงสถานการณ์การเงินระหว่างประเทศ และแนวโน้มการเงินของปี 2559



ส่วนการต่างประเทศ นายกิตติพงษ์ ณ ระนอง เอกอัครราชทูตไทยประจำสหราชอาณาจักร ให้สัมภาษณ์บีบีซีไทย ถึงความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหราชอาณาจักรว่า ยังมีความร่วมมือกันในระดับที่ดี ส่วนกรณีที่นายมาร์ค เคนท์ เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย แสดงความเห็นผ่านทวิตเตอร์เกี่ยวกับเสรีภาพในประเทศไทยนั้น เห็นว่า ควรพูดคุยกับอธิบดีกรมยุโรป ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ หรือจะพูดคุยกับรัฐมนตรี ซึ่งหากนายกิตติพงษ์แสดงความเห็นเกี่ยวกับกิจการของสหราชอาณาจักรบ้างก็อาจจะเป็นการแสดงความเห็นที่ไม่เข้าใจปัญหาที่เขาประสบอยู่ลึกซึ้งมากพอ นอกจากนี้แต่ละคนก็ยังมีความเข้าใจที่แตกต่างกัน และกล่าวด้วยว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศต้องอยู่บนพื้นฐานการเคารพให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ว่าอีกฝ่ายจะ "ตัวเล็ก" หรือ "ตัวใหญ่" และไทยกับสหราชอาณาจักรมีสายสัมพันธ์อันยาวนาน เมื่อมีความหวังดีจะแสดงความเห็นก็ต้องมีวิธีการที่เหมาะสม เพราะการแสดงความเห็นทางสาธารณะไม่ว่าจะผ่านสื่อใดก็ตาม อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้โดยคนบางฝ่าย



นายกรัฐมนตรีฮุน เซน ผู้นำกัมพูชา มีกำหนดเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล ตามคำเชิญของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในวันที่ 18 ธันวาคมนี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลอง 65 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทยกัมพูชา และเพื่อกระชับความความสัมพันธ์อันดีระหว่าง 2 ประเทศ โดยในวันที่ 18 ธันวาคม จะมีการหารือทวิภาคี และในวันที่ 19 ธันวาคมจะมีการประชุมร่วม ครม. ไทย-กัมพูชา อย่างไม่เป็นทางการครั้งที่ 2 และจะมีการลงนามเอกสารความร่วมมือ 4 ฉบับ อาทิบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงาน



ส่วนสถานการณ์ความรุนแรงในชายแดนภาคใต้ ซึ่งเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม เกิดเหตุลอบวางระเบิดภายในกุโบร์ ที่มัสยิดบ้านบ่อเจ็ดลูก หมู่ 6 ต.ยุโป อ.เมือง จ.ยะลา เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ทหารพรานเสียชีวิต ขณะที่ผู้ที่เป็นบิดาได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดขณะที่กำลังเคารพศพมารดาที่เสียชีวิตเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม ซึ่งเมื่อวานนี้ มีการจัดกิจกรรมปฏิเสธความรุนแรง และร่วมละหมาดฮายัด เพื่อให้เกิดสันติสุขในพื้นที่ โดยมีชมรมอิหม่ามจังหวัดยะลา กำนัน ผู้ใหญ่บ้านประชาชนชาวบ้านบ่อเจ็ดลูกร่วมละหมาดฮายัด กว่า 500 คน



ด้านความคืบหน้าอาการป่วยของ นายอาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี ซึ่งเข้าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เนื่องจากมีอาการอ่อนเพลียนั้น ขณะนี้มีอาการดีขึ้นแล้ว อย่างไรก็ตาม นายซากีย์ พิทักษ์คุมพล รองเลขานุการ จุฬาราชมนตรี บุตรชายนายอาศิส กล่าวว่า ขณะที่พักรักษาตัว นายอาศิส ได้สอบถามถึงเหตุระเบิดกุโบร์ จ.ยะลา และแสดงความกังวล เนื่องจากเป็นพื้นที่ของศาสนสถานเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ ทางสำนักจุฬาราชมนตรี จึงเตรียมออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจและประณามการกระทำความรุนแรง



ข่าวอาชญากรรม ซึ่งตำรวจภูธรภาค 7 จับกุมกลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 6 คนที่ร่วมกันทำร้ายร่างกายนายกฤษดา อ่อนน้อม อายุ 19 ปี จนเสียชีวิต และทำให้นายพีระพงษ์ เรืองจันทร์ อายุ 20 ปี ได้รับบาดเจ็บบาดเจ็บ เหตุเกิดหน้าร้านอาหารริมถนนแสงชูโต จ.กาญจนบุรี เมื่อคืนวันที่ 6 ธันวาคม ซึ่งพล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.ภ.7 ร่วมแถลงจับกุมผู้ต้องหา 2 คนสุดท้ายที่จับกุมตัวได้เมื่อเช้าวานนี้คือ นายนิตินัย วัชรานุทัศน์ อายุ 24 ปี และนายชัยนุวัฒน์ รอดภัย อายุ 23 ปี  โดยนายนิตินัยคือคนที่ใช้ตุ๊กตาปูนปั้นทุ่มใส่ร่างนายกฤษดา ส่วนนายชัยนุวัฒน์ เป็นคนถืออาวุธปืนลูกซองยาวในภาพวงจรปิดที่จับภาพไว้ได้



ส่วนตำรวจ สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ควบคุมตัวกลุ่มผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ซิ่ง 63 คน ขึ้นรถควบคุมผู้ต้องหา 3 คัน ส่งฟ้องศาลเพื่อดำเนินคดีในข้อหาแข่งรถในทางสาธารณะ และให้การสนับสนุนแข่งรถในทางสาธารณะ หลังถูกเจ้าหน้าที่กวาดล้างและจับกุมเมื่อคืนวันที่ 13 ธันวาคมที่ผ่านมา ขณะรวมตัวกันใน อ.หาดใหญ่ ขณะที่ผู้ปกครองของเยาวชน 34 คน ก็จะถูกออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหา ฐานความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน และปรับไม่เกิน 3 หมื่นบาทด้วย เนื่องจากปล่อยปละละเลยให้เด็กมารวมกลุ่มทำผิด หากไม่มาก็จะดำเนินการออกหมายจับต่อไป



สำหรับเยาวชน 34 คน ถูกส่งฟ้องศาลเยาวชนและครอบครัว จ.สงขลา ส่วนผู้ใหญ่ 29 คน ส่งฟ้องศาลแขวงสงขลา



ส่วนคดีที่มีผู้พบศพชายชาวเกาหลี บริเวณริมถนนเมืองชัยภูมิ ซึ่งพล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบตร. เปิดเผยว่า จากผลการชัณสูตรศพพบว่าลักษณะการฆ่ามีความโหดเหี้ยมและมีการเตรียมการ เกินกว่าการที่จะมุ่งฆ่าชิงทรัพย์ ทั้งทรัพย์สินของผู้ตายเองก็ยังอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเอกสารหนังสือเดินทางและบัตรประจำตัว พร้อมโทรศัพท์ผู้ตาย ที่อยู่ใกล้จุดพบศพ



สำหรับผู้ตายเพิ่งขอออกหนังสือเดินทางเข้าประเทศไทยเป็นครั้งแรกได้ไม่นานนัก โดยขอออกหนังสือเดินทางเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม และแจ้งขอเดินทางเข้าจากเกาหลีใต้มาเมืองไทยวันที่ 11 ธันวาคม และจะมีกำหนดกลับไม่เกินวันที่ 14 ธันวาคม  โดยเดินทางมาถึงเมืองไทยเมื่อช่วงเวลา 15.30 น. วันที่ 11 ธันวาคม มาถึงสนามบินดอนเมือง แล้วเรียกรถแท็กซี่พาไปส่งโรงแรมย่านถนนข้าวสาร กทม. แต่เย็นวันที่ 11 ธันวาคมตรงกับวันที่มีกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติปั่นเพื่อพ่อ จึงเรียกรถจักรยานยนต์รับจ้างอีกคันที่ผ่านมาให้ช่วยพาเข้าไปส่ง จากนั้นในวันเวลาประมาณ 18.00 น. ของวันที่ 12 ธันวาคม จึงมีผู้พบศพที่ จ.ชัยภูมิ ทั้งนี้คนขับรถแท็กซี่ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ว่า ในระหว่างการเดินทางผู้ตายมีการใช้โทรศัพท์โทรหาเพื่อนชายชาวเกาหลีใต้ในเมืองไทยด้วยกัน ซึ่งทำให้มีการตั้งข้อสันนิษฐานว่า อาจมีความขัดแย้งเกี่ยวกับการทำธุรกิจบางอย่าง



*-*

ข่าวทั้งหมด

X