การประชุมคณะรัฐมนตรี วันนี้มีวาระพิจารณาความพร้อมแต่ละกระทรวงในการเตรียมแถลงผลงานรัฐบาล กับยังมีวาระเศรษฐกิจอื่นๆ อาทิ ร่าง พ.ร.บ.เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน วงเงิน 1 หมื่นล้านบาท
พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ แถลงข่าวการพบปะผู้ประกอบการโรงสีข้าว ในการผลักดันข้าวเสื่อมสู่ภาคอุตสาหกรรม และหารือเรื่องราคาข้าวที่ตกต่ำ
ส่วนการประชุมกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เมื่อวานนี้ มีการพิจารณาหลักการควบคุมการตรากฎหมายที่ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ และมีความเห็นว่า การยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี เป็นเรื่องจำเป็นที่สามารถดำเนินการได้ ซึ่งในกรณีมีการกล่าวหาว่ามีพฤติกรรมทุจริตจะต้องให้องค์กรที่ทำหน้าที่ตรวจสอบทำหน้าที่ตรวจสอบด้วยเช่นกัน แต่การยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ละรัฐมนตรีจะใช้เสียง 1 ใน 5 และหากอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี จะต้องเสนอชื่อผู้ที่จะทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีต่อไปด้วย รวมทั้งเปิดโอกาสให้วุฒิสภาอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติได้ เพื่อตรวจสอบการบริหารงานของรัฐบาล
ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงข้อเสนอที่จะให้ประธาน 3 ศาลเข้ามาพิจารณาหาทางออกทางการเมืองในภาวะวิกฤติ โดยกล่าวว่า เป็นเพียงการถามความเห็นสามารถวิพากษ์วิจารณ์กันได้ และไม่เกี่ยวข้องกับคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ (คปป.) ส่วนกรณีที่ นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต สส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องให้ยกเลิกการจัดอบรมหลักสูตรพิเศษขององค์กรอิสระ ศาลยุติธรรม และกรุงเทพมหานครนั้น ก็ต้องรับฟังคำชี้แจงขององค์กรที่จัดอบรมก่อนเพราะ ‘เราจะไปห้ามเขาจัดได้อย่างไร แต่นักเรียนที่ไปเรียน ถ้าเป็นคนของเขาเรียนก็เรื่องของเขา ถ้าเป็นเอกชนไปเรียน แล้วใช้เงินของบริษัทเอกชนก็เรื่องของเขา ถ้าเป็นส่วนราชการไปเรียน หากครม.ไม่สนับสนุน ครม.ก็มีมติไม่ให้เบิก ถ้ายังอยากไปอีกก็เชิญ ไม่ให้เบิกและไม่ให้ใช้เวลาหลวง”
ในวันนี้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะมีการประชุมเพื่อคัดเลือกบุคคลมาดำรงตำแหน่งประธาน ป.ป.ช. คนใหม่ ซึ่งในการเลือกจะมี 2 วิธี คือ ในทางเปิดเผย กับการลงคะแนนในทางลับ ผู้ที่ได้รับเลือกเป็นประธานป.ป.ช.จะต้องได้คะแนนมากกว่ากึ่งหนึ่ง
ส่วนที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ซึ่งมีกรณีที่นายภุชงค์ นุตราวงศ์ อดีตเลขาธิการ กกต.ให้จับตาการจัดซื้อเครื่อง ลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ ที่จะใช้ในหน่วยเลือกตั้ง 95,000 หน่วย ใช้งบประมาณมากกว่าหมื่นล้านบาท นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้งด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง แถลงตอบโต้ว่าไม่เป็นความจริง โดยเครื่องลงคะแนน กกต. มีและใช้งานมาตั้งแต่ปี 2546 รวม 4 รุ่น และจากแผนการใช้งานที่คาดว่าจะมีอยู่ 3 ช่วง คือ ในปี 2559 หากมีการประชามติ จะมีการนำเครื่องลงคะแนนรุ่นที่ 4 ไปใช้ใน 5 หน่วยเลือกตั้งใน กทม. โดยไม่มีการตั้งงบประมาณในการใช้จ่าย และหากมีการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2560 ก็มีแผนที่จะใช้เครื่องลงคะแนน 100 หน่วยเลือกตั้งในกทม.ชั้นใน และเตรียมงบประมาณไว้ 10 ล้านบาท สำหรับผลิตเครื่องลงคะแนนรุ่นใหม่ ที่จะใช้ระบบทัชสกรีน เนื่องจากเครื่องลงคะแนนรุ่นที่ 4 ไม่สามารถใช้งานได้หากมีผู้สมัครเกิน 30 หมายเลข และ การลงคะแนนเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อ ส่วนระยะสุดท้ายคือปี 2563 มีแผนที่จะใช้เครื่องลงคะแนนประมาณ 2,000 ชุด เพื่อใช้กับเขตเลือกตั้งชั้นใน กทม. ใช้งบประมาณ 100 ล้านบาท แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการตั้งงบประมาณแต่อย่างใด
ส่วนกรณีการควบคุมตัวผู้เผยแพร่ข้อมูลเท็จของโครงการอุทยานราชภักดิ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และคดีแอบอ้างสถาบันเพื่อเรียกรับผลประโยชน์ เมื่อวานนี้ ศาลทหารกรุงเทพ อนุญาตให้ฝากขังผัดแรกนายฐนกร ศิริไพบูลย์ อายุ 27 ปี ซึ่งมีความผิดฐานยุยงปลุกปั่นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โดยให้ฝากขังเป็นเวลา 12 วันตั้งแต่วันที่ 14-25 ธันวาคม และให้เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์นำตัวนายฐนกรไปควบคุมไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ
ด้านพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นายกฯ และ รมว.กลาโหม ขอร้องให้ทุกฝ่ายเลิกพูดถึงเรื่องนี้ เพราะคณะกรรมการที่รับผิดชอบยังตรวจสอบไม่เสร็จสิ้น ส่วนกรณีระหว่าง พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมกับพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมนั้น ทั้งสองฝ่ายต่างก็ต้องการพูดความจริงทั้งคู่ ซึ่งได้คุยกับ พล.อ.ไพบูลย์แล้วก็ไม่มีอะไร ท่านมีแนวคิดดี แต่ท้ายที่สุดก็ต้องปล่อยให้คณะกรรมการสอบสวนต่อไป
ด้านพล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่ายินดีที่คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทยจะส่งหนังสือให้ตรวจสอบโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ และเห็นว่าเหมือนกับประเด็นที่มีการร้องให้ตรวจสอบกรณีทุจริตทั่วไป ที่เป็นการทำงานร่วมกันในลักษณะประชารัฐคือ ร่วมกันทั้งประชาชนและเอกชน
*-*