ความคืบหน้าคดีหมิ่นเบื้องสูงตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) เซ็นมอบสำนวนคดีดังกล่าวให้กองคดีอาญาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมระบุว่า ได้ส่งสำนวนการสอบสวนอีก 3 สำนวนจำนวน 651 หน้า เพิ่มเติมของพ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา และพวก ได้แก่ สำนวนร่วมความผิดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทน สำนวนความผิดข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุน และวิทยุสื่อสารโดยที่นายทะเบียนไม่อนุญาต และสำนวนความความผิดละเว้นการปฏิหน้าที่ ขณะนี้สำนวนคดีหมิ่นเบื้องสูงมีทั้งหมด 17 สำนวน เนื่องจากเพิ่มเติมสำนวนของกองการสื่อสารออกมาต่างหาก 1 สำนวน
ขณะที่วันที่ 9 ธันวาคม ศาลได้อนุมัติหมายจับเพิ่มอีก 1 คน คือพ.ต.ท.จีรวัฏฐ์ บุญวัฒนาภรณ์ อดีตสารวัตรทางหลวง ข้อหา มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นการกระทำผิดต่างกรรมต่างวาระ
ส่วนกรณีการกดไลค์ กดแชร์ ผ่านเฟสบุ๊ค พล.ต.อ.ศรีวราห์ มองว่าส่วนตัวหากดไลค์หรือแชร์ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องแม้ว่าเป็นเพียงการกดไลค์ก็ถือว่าเป็นความผิด เพราะการกดไลค์ ผู้กดย่อมเล็งเห็นผลอยู่แล้วว่าข้อมูลจะต้องถูกแชร์ออกไป ซึ่งประชาชนต้องรู้กฎหมายอยู่แล้ว ซึ่งหากอ้างว่าไม่รู้ว่าเป็นความผิดก็ต้องไปสู้กันในขั้นศาล
กรณีการออกหมายจับนายธเนศ อนันต์วงษ์ ผู้แชร์ แผนผังปัญการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ เบื้องต้นมีความผิดตามมาตรา 116 ฐานยุยงปลุกปั่นให้เกิดความแตกแยกและ ผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ คาดว่าจะแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมภายหลังได้ รวมถึงอาจมีบุคคลที่จะต้องถูกออกหมายจับเพิ่มเติมอีกเช่นกัน ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่มีหลักฐานเต็มที่ และหากผู้ใดกระทำผิดก็ต้องดำเนินไปตามกฎหมายแน่นอน
ปัญหาค้ามนุษย์ยืนยันยังดำเนินการปราบปรามอยู่ ส่วนพล.ต.ต.ปวีน พงศ์ศิรินทร์ อดีตหน้าพนักงานสอบสวนเครือข่ายคดีค้ามนุษย์โรฮิงญา ขณะนี้เจ้าหน้าที่ ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง และรวบรวมข้อมูลให้ชัดเจน ซึ่งมีการข่มขู่เจ้าหนัาที่ เจ้าหน้าตำรวจก็สามารถแจ้งความดำเนินคดีได้ แต่ที่ผ่านมายังไม่เคยพบว่ามีตำรวจคนใดถูกข่มขู่ และเข้าแจ้งความดำเนินคดี
ผู้สื่อข่าว: ปิยะธิดา เพชรดี