*นายกฯย้ำการคุมตัวนักการเมือง-สื่ออาวุโส เพราะทำผิดหลายครั้ง *

หลังจากที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ คสช. เชิญตัวนักการเมือง และสื่อมวลชนอาวุโสเข้าไปพูดคุยนั้นพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. กล่าวภายหลังการประชุมร่วมแม่น้ำ 3 สายระหว่างคณะรัฐมนตรี คสช. และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ สนช.ว่า คนที่เรียกเข้ามาคุยนั้น คือ บุคคลที่ทำความผิดเนื่องจากทำให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย ซึ่งเคยทำแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว ถึงต้องมีการเรียกเข้ามาคุย  ส่วนตัวก็ไม่อยากให้เกิดความขัดแย้ง แต่จะปล่อยตัวบุคคลเหล่านี้เมื่อไหร่นั้น คสช.จะเป็นผู้พิจารณาเอง และถ้าพบว่ามีการกระทำความผิดอีก ก็อาจจะต้องนำเข้าสู่กระบวนการของศาล หรือดำเนินตามขั้นตอน  ส่วนบุคคลที่มาต่อต้านรัฐบาล และ คสช. ขณะนี้ เช่น นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิจัยจากสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่วนตัวขอไม่ให้ความสนใจ และขออย่าให้สื่อให้ความสนใจกับบุคคลที่ทำความผิดมาตรา 112ด้วยเช่นกัน

 

ส่วน สรรหาสมาชิกสภาขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศ สปท. นายกรัฐมนตรี ระบุว่า จะมีการเชิญ ข้าราชการตำรวจ ทหาร และส่วนอื่นๆที่เกษียณอายุราชการเข้ามา  รวมถึงนักการเมือง ซึ่งขณะนี้ได้ติดต่อไปแล้ว รวมถึงเชิญตัวแทนนักกฎหมาย นักวิชาการและอดีตสมาชิกสภาปฎิรูปแห่งชาติ สปช.เข้ามาร่วมทำงานด้วยเพื่อให้มีความต่อเนื่องซึ่งจำเป็นต้องใช้บุคคลที่มีความรู้เรื่องการปฎิรูปเข้ามาทำงาน ส่วนการสรรหาคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ทั้ง21คน ขณะนี้กำลังสรรหาอยู่ บุคคลกลุ่มนี้จะต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ทางด้านกฎหมาย เพื่อเข้าทำงานด้านการปฎิรูป และก็ต้องทำเพื่อให้บ้านเมืองไม่เสียหายในอนาคต

 

สำหรับความคืบหน้าระเบิดที่แยกราชประสงค์ และท่าน้ำสาทร ที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผบ.ตร.ออกมาระบุว่าเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์อุยกูร์นั้น พล.อ.ประยุทธ์ มองว่า ส่วนตัวคิดว่าอาจจะยังไม่เกี่ยวข้อง เพราะถ้าอย่างนั้นต้องมีบุคคลที่ออกมารับผิดชอบ แต่ถึงอย่างไรแนวทางการสืบสวนตอนนี้ก็ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง อาทิ เรื่องอาชญากรรม ,ค้ามนุษย์ ,หรืออุยกูร์ แต่ยืนยันว่าการดำเนินการกับผู้ที่หลบหนีเข้าเมืองก็เป็นไปตามกระบวนการขั้นตอน คือ พิสูจน์สัญชาติ จากนั้นถึงส่งกลับไปยังประเทศต้นทาง ซึ่งวิธีการนี้ถือว่าเป็นแนวทางที่ถูกต้องที่สุดแล้ว มิฉะนั้นก็จะมีผู้ที่ลักลอบเข้าไทยเป็นจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ