+++หลังจากที่เมื่อวานนี้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อให้เงินหมุนเวียนช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อย คณะรัฐมนตรี(ครม.)มีมติเห็นชอบมาตรการด้านเศรษฐกิจเพื่อให้เกิดการใช้จ่ายหมุนเวียนของประชาชนผู้มีรายได้น้อย รวม 3 มาตรการ วงเงินรวม 1.36 แสนล้านบาท เริ่มจากมาตรการช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อย โดยให้กองทุนหมู่บ้าน กู้เงินจากสถาบันการเงินของรัฐ วงเงินรวม 60,000 ล้านบาท ไปปล่อยกู้ให้ประชาชนที่เป็นสมาชิกกองทุนฯแบบไร้ดอกเบี้ยเป็นเวลา 2 ปี ต่อมาเป็นการสนับสนุนวงเงินลงไปยังท้องถิ่น วงเงินรวม 36,000 ล้านบาท ซึ่งกระทรวงมหาดไทยจะจัดสรรเงินลงไปตำบลละ 5 ล้านบาท และสุดท้ายเป็นการเร่งรัดการใช้จ่ายงบลงทุนในโครงการขนาดเล็กวงเงินไม่เกิน 1 ล้านบาท วงเงินรวม 40,000 ล้านบาท
+++โครงการกองทุนหมู่บ้าน จะช่วยทำให้เงินไปถึงชาวบ้านเร็วและผ่อนคลายความหนักใจของชาวบ้าน โดยโครงการนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของตำบล หมู่บ้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กำชับว่าไม่ให้นำเงินไปใช้ผิดประเภท แต่ต้องการให้ชาวบ้านนำเงินเพื่อไปสร้างตัวขึ้นมาเพื่อรอดพ้นช่วงเวลาดังกล่าว ไม่ใช่นำไปใช้ฟุ่มเฟือย และต้องตรวจสอบการใช้จ่ายเงิน
++++หลังช่วยเหลือผู้ที่มีรายได้น้อยแล้ว ภายใน 1-2 สัปดาห์จากนี้ รัฐบาลยังเตรียมออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ที่ประสบปัญหาด้านเงินทุน ได้หารือกับกระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม และสถาบันการเงินแล้ว คาดว่าจะจัดทำมาตรการออกมาช่วยเหลือได้อย่างเร็วที่สุด หลังจากทำมาตรการดังกล่าวเสร็จสิ้นแล้ว จะเดินทางไปโรดโชว์ต่างประเทศ เพื่อนำมาตรการดังกล่าวจูงใจนักลงทุนให้เห็นภาพของประเทศไทยได้ชัดขึ้นว่าได้ทำอะไรไปแล้วบ้าง และวันนี้ จะเดินทางไปกระทรวงพาณิชย์เพื่อมอบนโยบายและรับฟังความคิดเห็นจากข้าราชการ
+++ส่วนการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) จัดประชุมประจำเดือน ก.ย. 2558 โดยมีวาระเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ทั้งสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและหอการค้าไทย, สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และสมาคมธนาคารไทย ที่สำคัญจะทบทวนตัวเลขประมาณการการส่งออก และการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในปี 2558 ใหม่ เบื้องต้น คาดว่า การส่งออกจะติดลบร้อยละ 4 จากเดิมคาดการณ์ติดลบร้อยละ 2 และจีดีพีจะขยายตัวต่ำกว่าร้อยละ 3 จากเดิมคาดการณ์ขยายตัวร้อยละ 3.5 การปรับเป้าหมายเนื่องจากตัวเลขส่งออก 7 เดือน (ม.ค.-ก.ค.) ติดลบร้อยละ 4.66 เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้อยู่แล้ว ขณะเดียวกันภาวะเศรษฐกิจภาพรวม โดยเฉพาะจีน ยังชะลอตัวทำให้ตลาดส่งออกหลัก ๆ ยังคงไม่ดีขึ้น รวมทั้งต้องติดตามปัญหาค่าเงิน รวมทั้งต้องมาประเมินเมื่อจีนลดค่าเงินหยวน ส่วนจีดีพี ขยายตัวลดลงตามการส่งออกที่ลดต่อเนื่อง เพราะภาคการส่งออกของไทยคิดเป็นสัดส่วนถึงร้อยละ 60 ของจีดีพี ส่วนการลงทุนยอมรับว่าจากภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัว ทำให้นักลงทุนย่อมต้องชะลอการลงทุน ดังนั้นหากรัฐบาลต้องการเร่งให้เกิดการลงทุนควรจะปรับมาตรการใหม่ โดยเฉพาะการให้สิทธิประโยชน์การลงทุน จากบีโอไอทางด้านภาษีมากขึ้นในบางอุตสาหกรรมจากที่ถูกตัดลดลงไปตามยุทธศาสตร์ใหม่ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ)
+++ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์ก สหรัฐฯ ปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ โดยทั้งดาวโจนส์, เอสแอนด์พี500 และแนสแด็ก ต่างก็ร่วงลงกว่าร้อยละ 2.8 เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก หลังจากมีรายงานว่าภาคการผลิตของจีนและสหรัฐฯ ชะลอตัวลง ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดการซื้อขายวันที่ 1 ก.ย. ในแดนลบ ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 469.68 จุด ปิดที่ 16,058.35 จุด ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี500 ลดลง 58.33 จุด ปิดที่ 1,913.85 จุด ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก ลดลง 140.40 จุด ปิดที่ 4,636.11 จุด
+++ภาวการณ์ซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์ก เป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน หลังจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีน ลดลงแตะ 47.3 ในเดือนส.ค. จาก 47.8 ในเดือนก.ค. นับเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกันที่ดัชนีปรับตัวต่ำกว่าระดับ 50 แต่ขยับขึ้นเล็กน้อยจากข้อมูลเบื้องต้นที่ 47.1 นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลภาคการผลิตที่อ่อนแอของสหรัฐฯ โดยสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิต อยู่ที่ระดับ 51.1 ในเดือนส.ค. ลดลงจากระดับ 52.7 ในเดือนก.ค. โดยได้รับผลกระทบจากดอลลาร์ที่แข็งค่า และเศรษฐกิจโลกที่ซบเซา
+++น้ำมันโลก ร่วงหนัก น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนตุลาคม ลดลง 3.79 ดอลลาร์ ปิดที่ 45.41 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเหลือเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 4.59 ดอลลาร์ ปิดที่ 49.56 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
+++คณะกรรมการสลาก กินแบ่งรัฐบาล จะแถลงผลการประชุมของคณะกรรมการฯ ซึ่งมีการหารือเรื่องการจัดสรรโควตาใหม่ และข้อเสนอ 5 แนวทางเพื่อแก้ปัญหาขายสลากเกินราคา การจัดสรรไว้ 5 แนวทางประกอบด้วย 1.จัดสรรให้รายย่อยคนละไม่เกิน 5 เล่ม 2.จัดสรรให้รายย่อยคนละไม่เกิน 10 เล่ม 3.จัดสรรให้รายย่อยรายละไม่เกิน 50 เล่ม 4.เปิดเสรีหมายถึงซื้อได้โดยไม่จำกัดจำนวน และ 5.การจำหน่ายสลากผ่านเครื่องอัตโนมัติหรือจำหน่ายด้วยระบบออนไลน์ ซึ่งทั้ง 5 แนวทางนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าระบบจัดจำหน่ายใหม่จำเป็นต้องมีตัวแทนจำหน่ายสลากหรือไม่ หรือต้องมีกี่รายจึงจะเหมาะสม
+++พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี ผู้บังคับการกองปราบปราม เปิดเผยความคืบหน้าการสืบสวนสาเหตุการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ ขณะนี้ได้รวบรวมภาพจากกล้องวงจรปิดตั้งแต่สนามกอล์ฟ ย่านบางนา จนถึงจุดเกิดเหตุซอยเฉลิมพระเกียรติ63 ไว้แล้วซึ่งภาพจากกล้องวงจรปิดสามารถบอกเรื่องราวได้เป็นอย่างดี ยืนยันการเสียชีวิตผิดธรรมชาติอย่างแน่นอน ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบหลักฐานเพิ่มเติม เนื่องจากขณะนี้กองปราบปราม ยังมีเอกสารที่ยังต้องการจาก สน.อุดมสุข คือเอกสารเกี่ยวกับการชันสูตร ส่วนการตรวจสอบตั้งแต่การที่ออกมาจากสนามกอล์ฟจนถึงจุดที่มีการเสียชีวิต ยังอยู่ในระหว่างการดำเนินการ ซึ่งจะต้องมีการเชิญทั้งพยานที่เกี่ยวข้องและผู้ที่กำลังมีการตั้งข้อสงสัย แต่ในขณะนี้ยังไม่มีการออกหมายจับใครเพิ่ม
+++พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ ผบ.สำนักคดีพิเศษอาญา 3 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึง การดำเนินคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ว่าวันที่ 3-4 กันยายนนี้ พนักงานสอบสวนในส่วนของคดี จะรับมอบตัวผู้ต้องหาและแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องอีก 12 คน โดยในส่วนของนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์ฯคลองจั่น ที่ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯนั้น พนักงานสอบสวนจะเดินทางไปแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมในวันที่ 9 กันยายน ทั้งนี้ คาดว่าจะสามารถสรุปสำนวนส่งอัยการเพื่อสั่งฟ้องในคดีที่ 63/2557 ได้ภายในเดือนกันยายนนี้ ทั้งนี้ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่ทางดีเอสไอจะเรียกมาแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม 12 คน โดยดีเอสไอนัดมารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 3 กันยายน 6 คน ประกอบด้วย 1.น.ส.จันทร์ฉาย ขันธะหัตถ์ 2.นางวันเพ็ญ ยอดดี 3.น.ส.สิรภัทร โพธิ์พรม 4.นางทองพิณ กันล้อม 5.นางมณฑล กันล้อม และ 6.นายอารีย์ แย้มบุญยิ่ง ส่วนในวันที่ 4 กันยายน ประกอบด้วย 1.นายธนากร น่าบัณฑิต 2.นายลภัส โสมคำ 3.นางศรันยา มานหมัด 4.น.ส.วาริศา เอกชัยจินดาวัฒน์ 5.นายกฤษฎา มีบุญมาก และ 6.นายณัฐวัฒน์ ปิยะพัฒเมธี โดยทั้งหมดพนักงานสอบสวนจะนัดหมายให้เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาเวลา 10.00 น. ที่สำนักคดีอาญาพิเศษ 3