รอยเตอร์รายงานอ้างนายคาร์สเทน ฟริตช์ จากธนาคารคอมเมิร์ซบังก์ในนครแฟรงก์เฟิร์ตของเยอรมนีว่า ราคาน้ำมันดิบดิ่งฮวบในวันนี้ หลังข้อมูลทางการบ่งชี้ว่าภาคการผลิตอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของจีน หนึ่งในเครื่องยนต์ที่ผลิตสินค้าให้กับจีน ประเทศที่ใช้พลังงานมากที่สุดของโลก อ่อนแอลงในอัตราที่รวดเร็วที่สุดในรอบ 3 ปี สำหรับดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(พีเอ็มไอ)ที่เป็นทางการของจีน ร่วงมาอยู่ที่ 49.7 ในเดือนสิงหาคมจาก 50.0 ในเดือนกรกฎาคม ตอกย้ำความหวั่นวิตกมากขึ้นเกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจจีน ซึ่งใหญ่ที่สุดอันดับสองของโลกตัวเลขดังกล่าวส่งผลให้ราคาน้ำมันดิ่งลง หลังราคาปรับขึ้น 3 วันติดต่อกัน ที่ผ่านมานักลงทุนได้ขายทำกำไร หลังราคาน้ำมันดิบเบรนท์กรุงลอนดอน อังกฤษและราคาน้ำมันดิบสหรัฐฯเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 8 เมื่อวันจันทร์
สำหรับน้ำมันดิบเบรนท์ ร่วง 2.45 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 51.70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ก่อนจะขึ้นไปอยู่ที่ 53.10 ดอลลาร์เมื่อเวลา 10.40 น.ตามเวลาท้องถิ่นของวันนี้ ก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ขึ้น 4.10 ดอลลาร์หรือร้อยละ 8.2 เมื่อวันจันทร์ เป็นการปรับขึ้นต่อเนื่องจาก 42 ดอลลาร์ ระดับต่ำสุดในรอบ 6 ปี 6 เดือน เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม ส่วนราคาน้ำมันดิบสหรัฐฯร่วง 75 เซนต์อยู่ที่ 48.45 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมันปิดปรับขึ้น 3.98 ดอลลาร์หรือร้อยละ 8.8 เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นโดยต่อเนื่องจากระดับต่ำสุด นับแต่เกิดวิกฤติการเงินทั่วโลกหลังสำนักงานสารสนเทศพลังงานสหรัฐฯ(อีไอเอ)ระบุว่าสหรัฐฯผลิตน้ำมันต่ำเกินคาด
ตัวเลขล่าสุดของอีไอเอที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์บ่งชี้ว่า การผลิตน้ำมันในประเทศของสหรัฐฯเพิ่มราว 9,600,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนเมษายน ก่อนจะลดลงเหลือกว่า 300,000 บาร์เรลต่อวันในช่วง 2 เดือนหลัง แต่แม้ว่าสหรัฐฯจะผลิตน้ำมันได้น้อยลง แต่ตลาดทั่วโลกยังคงมีน้ำมันดิบล้นตลาด ด้านผู้ผลิตน้ำมันในกลุ่มโอเปกยังคงผลิตสูงกว่าข้อตกลงราว 2-3 ล้านบาร์เรลต่อวัน/19.37 น.