มาตรการคุมเข้มรถจักรยานยนต์รับจ้างให้ดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย เจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบก สนธิกำลังร่วมกับ เจ้าหน้าที่เทศกิจ สำนักงานเขตประชาชื่น, เจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจนครบาลประชาชื่น และเจ้าหน้าที่ทหารจากกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ ลงตรวจวินรถจักรยานยนต์รับจ้างสาธารณะในพื้นที่บางซื่อ
นายกิตติคุณ สิงหเดโช หัวหน้าชุดผู้ตรวจการ กรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า การลงตรวจวินรถจักรยานยนต์รับจ้างในพื้นที่เขตบางซื่อในวันนี้ เป็นนโยบายการดำเนินการภายหลังจากที่เริ่มบังคับใช้กฎหมาย ในการควบคุมกวดขันรถจักรยานยนต์รับจ้างสาธารณะในแต่ละพื้นที่ให้มีจำนวนรถที่ผิดกฎหมายน้อยที่สุด ซึ่งมาตราการนี้มีไว้ใช้ตรวจตราผู้ที่นำรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลมาใช้รับจ้าง รวมถึงจะตรวจดูรถที่ใช้ป้ายเหลือง แต่ใช้ใบขับขี่ส่วนบุคคลมาวิ่ง และจะตรวจดูว่าข้อมูลผู้ขับขี่ เสื้อวินกับบัตรประจำตัวผู้ขับขี่ และรถจักรยานยนต์ มีข้อมูลตรงกันหรือไม่ ซึ่งเป็นมาตรการกวดขันที่กรมการขนส่งทางบกลงมาดำเนินการตรวจตรา หากถ้าพบการกระทำความผิดก็จะดำเนินการเปรียบเทียบปรับตามกฎหมาย
ด้านเจ้าหน้าที่ทหารหัวหน้าชุด ที่ดูแลควบคุมวินรถจักรยานยนต์ พื้นที่เขตบางซื่อ เปิดเผยว่า วินรถจักรยานยนต์รับจ้างในเขตบางซื่อได้มีการตรวจตราอย่างเคร่งครัดเป็นประจำอยู่เสมอ จากการตระเวนตรวจตามวินต่างๆ ในวันนี้ พบผู้กระทำผิด โดยใช้รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลมารับจ้างผู้โดยสาร 4 ราย ซึ่งมีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท วินละ 1 ราย คือ วินวัดน้อย วินหน้าห้างบิ๊กซีวงศ์สว่าง วินวัดเลียบ และวินปากซอยสมถวิล มีโทษปรับเป็นจำนวน 2,000 บาท และมีผู้ใช้เสื้อวินเก่ามาใช้ในการขับขี่รถจักรยานยนต์โดยสาร 2 ราย ได้แก่ วินวัดเลียบ และวินปากซอยสมถวิล โดยมีโทษปรับตั้งแต่ 200-1,000 บาท
ทั้งนี้ จากการลงตรวจกวดขันวินรถจักรยานยนต์รับจ้างในเขตพื้นที่บางซื่อ ทั้งหมด 10 จุด คือ วินหน้าสถานีรถไฟใต้ดินบางซื่อ วินหน้าเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนคร วินห้องอาหารพระราม 7 วินวัดน้อย วินวงศ์สว่าง19 วินหน้าห้างบิ๊กซีวงศ์สว่าง วินวงศ์สว่าง 29 วินวัดเลียบ วินวัดทอง วินกรุงเทพ-นนท์ 46 และสินปากซอยสมถวิล
โดยเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งยังได้ทำการกวดขันหัวหน้าวินทุกวิน ให้ดูแลผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะให้คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้โดยสารเป็นหลัก และห้ามมิให้ขับรถโดยสารขณะที่มีการดื่มแอลกอฮอล์ เพราะนอกจากจะถูกปรับแล้ว อาจจะถูกเพิกถอนใบอนุญาตขับรถสาธารณะอีกด้วย
ผู้สื่อข่าว: พนิตา สืบสมุทร