*ศาลฎีกาฯ จำคุก วิโรจน์ -สุชาย 18 ปีปล่อยกู้ เครือกฤษดามหานคร มิชอบ*

26 สิงหาคม 2558, 15:01น.


ความคืบหน้าคดีปล่อยกู้ของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี, กรรมการบริหาร, กรรมการสินเชื่อ, เจ้าหน้าที่สินเชื่อของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และกลุ่มบริษัทเอกชน รวม 27 ราย เป็นจำเลยในความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, ความผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงาน ในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502, ความผิด พ.ร.บ.การธนาคารพาณิชย์ พ.ศ. 2505, ความผิด พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 และความผิด พ.ร.บ.บริษัท มหาชน จำกัด พ.ศ. 2535



ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุก ร.ท.สุชาย เชาว์วิศิษฐ์ จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นประธานบอร์ดบริหารธนาคารกรุงไทย ในขณะนั้น นายวิโรจน์ นวลแข อดีตกรรมการผู้จัดการธนาคารกรุงไทย จำเลยที่ 3 และจำเลยที่ 12 ซึ่งเป็นกรรมการอนุมัติสินเชื่อ ในความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์กรของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 4 จำคุกคนละ 18 ปี   จากกรณีเมื่อปี 2546 ได้มีการอนุมัติสินเชื่อกว่า 8,000 ล้านบาท ให้กับบริษัทในเครือของบริษัท กฤษดามหานคร ซึ่งมีการอ้างว่าจะนำเงินไปรีไฟแนนซ์หนี้สินกับสถาบันการเงินอื่น และซื้อที่ดินทำโครงการเกี่ยวกับที่ดินอื่นอีก แต่ภายหลังได้มีการนำเงินไปเพื่อประโยชน์ส่วนตัว โดยไม่ได้มีการดำเนินการตามโครงการดังกล่าวอย่างแท้จริง โดยศาลได้มีคำพิพากษาให้พวกจำเลยต้องร่วมกันชดใช้เงินคืนให้กับธนาคารกรุงไทย ผู้เสียหายด้วย 



นอกจากนี้ ศาลยังมีคำพิพากษาให้จำคุกจำเลยที่ 5, 8-11 และ 13-17 ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร ที่เป็นกรรมการอนุมัติสินเชื่อ และกลุ่มเอกชนที่ทำการขอสินเชื่อ อีกคนละ 12 ปี เช่นกัน โดยศาลก็ให้จำเลยซึ่งเป็นบริษัทเอกชนที่ทำการขออนุมัติสินเชื่อโดยทุจริตคืนเงินให้กับธนาคารกรุงไทย กว่าหมื่นล้านบาทด้วย   ส่วนจำเลยที่ 23-27 ซึ่งเป็นกรรมการผู้มีอำนาจของบริษัทเอกชน ที่กระทำผิดให้จำคุก คนละ 12 ปี และให้ยกฟ้องจำเลยที่ 6-7 ซึ่งเป็นกรรมการฝ่ายสินเชื่อ ส่วน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จำเลยที่ 1 ศาลให้พักคดีไว้ชั่วคราว เนื่องจากอยู่ระหว่างการหลบหนีคดี จึงออกหมายจับ ติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ มาดำเนินคดี โดยให้จำหน่ายคดีเฉพาะส่วนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ไว้เป็นการชั่วคราวก่อนจนกว่าจะได้ตัวมา



คดีนี้เป็นการกล่าวหาว่า ผู้บริหารธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ให้สินเชื่อกลุ่ม บมจ.กฤษดามหานคร ที่มีสถานะอยู่ในกลุ่มลูกหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของธนาคาร เนื่องจาก ผอ.ฝ่ายกลั่นกรองสินเชื่อธุรกิจนครหลวง เคยจัดอันดับความเสี่ยงของกลุ่มกฤษดามหานครในอันดับ 5 คือ ไม่สามารถอนุมัติสินเชื่อให้ได้ แต่ได้มีการอนุมัติสินเชื่อให้บริษัทในกลุ่มกฤษดามหานคร 3 กรณี คือ 1. การอนุมัติสินเชื่อให้บริษัท อาร์เค โปรเฟสชั่นนัล จำกัด จำนวนเงิน 500 ล้านบาท 2. การอนุมัติสินเชื่อให้บริษัท โกลเด้น เทคโนโลยี อินดัสเทรียล พาร์ค จำกัด วงเงิน 9,900 ล้านบาท (วงเงินไฟแนนซ์ 8,000 ล้านบาท วงเงินซื้อที่ดินเพิ่ม 500 ล้านบาท และวงเงินพัฒนาโครงการ 1,400 ล้านบาท) และ 3. การอนุมัติขายหุ้นบุริมสิทธิแปลงสภาพของ บมจ.กฤษดามหานคร ให้กับบริษัท แกรนด์ คอมพิวเตอร์คอมมูนิเคชั่น จำกัด จำนวนเงิน 1,185,735,380 บาท ถือว่าผู้เกี่ยวข้องมีพฤติการณ์ร่วมกันหรือสนับสนุนการกระทำความผิดกรณีธนาคารกรุงไทย ซึ่งเป็นองค์กรของรัฐ เป็นการกระทำโดยทุจริต เพื่อฟื้นฟูกิจการของ บมจ.กฤษดามหานคร โดยมิชอบ



สำหรับคดีนี้ เมื่อปี 2555 ศาลฎีกาฯ ได้ออกหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จำเลยที่ 1 และให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความชั่วคราว เนื่องจากจำเลยหนีคดี ไม่มารายงานตัวต่อศาล



หลังฟังคำพิพากษาญาติจำเลยมีอาการโศกเศร้า บางรายถึงกับร้องไห้ออกมา ส่วนเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้นำรถเรือนจำมารับจำเลยเพื่อไปควบคุมตัวต่อที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพต่อไป



CR:แฟ้มภาพ 



 



 

ข่าวทั้งหมด

X