ความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนการวางระเบิดแยกราชประสงค์ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ในขณะนี้ มีความคืบหน้าไปมาก แต่อาจจะมีอุปสรรคในเรื่องของภาพวงจรปิดในที่เกิดเหตุ เนื่องจากกล้องไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ และมีกล้องหลายตัวที่ชำรุดทำให้ภาพที่นำมาใช้ในการสืบสวนไม่ต่อเนื่องกัน โดยภาพสเก็ตช์คนร้ายที่วางระเบิดบริเวณท่าเรือข้ามฟากสาทร ขณะนี้อยู่ในการดำเนินการของพนักงานสืบสวนสอบสวน ซึ่งทางตำรวจได้จำกัดวงของผู้ต้องสงสัยที่จะก่อเหตุให้แคบลงแล้ว แต่ยังไม่สามารถตัดประเด็นใดทิ้งได้ พบลักษณะของรูปแบบระเบิดคล้ายกัน แต่ดินระเบิดและการจุดชนวนระเบิดยังไม่สามารถระบุได้ว่ามีความเชื่อมโยงกันหรือไม่เบื้องต้นสันนิษฐานว่าน่าจะมีความเกี่ยวข้องกัน และอาจจะเป็นบุคคลกลุ่มเดียวกัน
ส่วนสื่อต่างชาติถูกเจ้าหน้าที่การท่าอากาศยานสุวรรณภูมิควบคุมตัวหลังตรวจพบมีการนำเสื้อเกราะและหมวกกันกระสุนโดยสารไปกับเครื่องบินขณะก่อนเดินทางกลับฮ่องกงนั้น พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า เสื้อเกราะและหมวกกันกระสุนเป็นสิ่งผิดกฎหมายไทย เนื่องจากอุปกรณ์ดังกล่าวถือว่าเป็นยุทธภัณฑ์ที่ไม่สามารถพกพาได้ จึงจะต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนการลงโทษนั้น ก็ขึ้นอยู่ดุลยพินิจของศาลว่าจะมีการตัดสินลงโทษอย่างไร ซึ่งได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ลงไปตรวจสอบเรื่องดังกล่าวแล้ว
ส่วนในช่วงก่อนหน้านี้ที่มีการชุมนุม และมีสื่อข่าวหลายสำนักนำเสื้อเกราะมาใช้นั้น ก็ต้องมีการตรวจสอบว่าเป็นเสื้อเกราะที่ถูกสร้างขึ้นและมีคุณสมบัติเป็นยุทธภัณฑ์หรือไม่ หากใช่ก็ถือว่าผิดกฎหมายเช่นกัน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมจะนำชิ้นส่วนเศษกระเป๋าสีดำที่คาดว่าจะเป็นกระเป๋าที่บรรจุระเบิด ที่สื่อญี่ปุ่นระบุว่าพบได้นั้น ว่ายังไม่เห็นหลักฐานดังกล่าว แต่ก็ยินดีที่จะรับหลักฐานมาพิจารณาหากหลักฐานนั้นมีเหตุผลรองรับที่ชัดเจน เพื่อนำไปประกอบสำนวนคดี
แฟ้มภาพ