หลังจากที่ประธานาธิบดี ปาร์ค กึน-เฮ ผู้นำเกาหลีใต้ ประกาศว่า เกาหลีใต้จะไม่หยุดการกระจายเสียงโฆษณาชวนเชื่อ จนกว่าเกาหลีเหนือออกมาขอโทษและต้องรับประกันว่า จะไม่ดำเนินการในลักษณะที่เป็นการยั่วยุอีก พร้อมกล่าวตำหนิเกาหลีเหนือที่ยั่วยุจนทำให้เกิดวิกฤติทางทหารในปัจจุบัน ซึ่งเป็นคำกล่าวที่มีขึ้นในระหว่างที่มีการเจรจาระดับสูง ระหว่างตัวแทนสองฝ่ายเพื่อยุติสถานการณ์ตึงเครียด ที่เริ่มตั้งแต่วันที่ 22 สิงหาคม ที่หมู่บ้านปันมุมจอม
นอกจากนี้ยังพบว่า เกาหลีเหนือเสริมกำลังทหารประชิดพรมแดนเกาหลีใต้ พร้อมกับเคลื่อนกองเรือดำน้ำราว 50 ลำ หรือราว 2 ใน 3 จากทั้งหมดประมาณ 70 ลำ ออกจากฐานทัพเรือ
อย่างไรก็ตาม การเจรจาระดับสูงระหว่างสองฝ่ายนำโดยนายคิม กวาน-จิน ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของเกาหลีใต้ กับนายฮวาง เปียง-โซ คนใกล้ชิดนายคิม จอง-อึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ เสร็จสิ้นลงเมื่อเวลา 00.55 น. ของวันอังคารที่ 25 สิงหาคม จากนั้น นายคิม กวาน-จิน ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของประธานาธิบดีปาร์ค กึน-เฮ แห่งเกาหลีใต้ ได้แถลงที่ทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้ว่า ฝ่ายเกาหลีใต้ตกลงที่จะยุติการกระจายเสียงตามสายเพื่อโฆษณาชวนเชื่อบริเวณชายแดนตั้งแต่เวลาเที่ยงวันของวันอังคารที่ 25 สิงหาคม ซึ่งเป็นไปตามข้อเรียกร้องของฝ่ายเกาหลีเหนือ
ส่วนเกาหลีเหนือก็ตกลงที่จะขอโทษกรณีกับระเบิด ซึ่งถือว่ามีความหมายอย่างมากต่อเกาหลีใต้ นอกจากนั้น ทั้งสองฝ่ายยังตกลงที่จะสานต่อการเจรจาที่จะมีขึ้นต่อไปซึ่งอาจจะเป็นที่กรุงโซลของเกาหลีใต้ หรือ กรุงเปียงยางของเกาหลีเหนือ ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองเกาหลี แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะพูดถึงการประชุมสุดยอดสองเกาหลี
ด้านโคเรีย ไทม์ส รายงานว่า นายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ไม่ได้อยู่ในรายชื่อผู้นำประเทศที่ยืนยันว่าจะเข้าร่วมพิธีสวนสนามในวันที่ 3 กันยายนนี้ และไม่แน่ชัดว่ารัฐบาลเปียงยางจะส่งนายคิม ยอง นาม ประธานสภา ซึ่งเป็นประมุขประเทศเชิงพิธีการ ไปร่วมงานหรือไม่ ส่วนประธานาธิบดีปัก กึน เฮ แห่งเกาหลีใต้ จะเยือนจีนช่วงวันที่ 2-4 กันยายน แต่ยังไม่แน่ว่าจะร่วมชมพิธีสวนสนาม
ส่วนโฆษกรัฐบาลญี่ปุ่นแถลงว่า นายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะ จะไม่ไปร่วมพิธีสวนสนามรำลึก 70 ปี ของวันสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่กรุงปักกิ่งในวันที่ 3 กันยายนนี้ เพราะมีภารกิจงานการเมืองและรัฐสภา แต่จะหาโอกาสอื่นพบปะผู้นำจีนต่อไป
กระทรวงกลาโหมสหรัฐ ยืนยันเหตุระเบิดที่อาคารคลังพัสดุ ในบริเวณฐานทัพสหรัฐอเมริกา ชานกรุงโตเกียว เมืองหลวงญี่ปุ่น เมื่อช่วงเช้ามืดวันจันทร์ ไม่มีผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บ จากนั้นไม่นานก็เกิดเพลิงไหม้ที่หอทำความเย็นโรงงานเหล็ก ของบริษัทนิปปอน สตีล แอนด์ ซูมิโตโม เมทัล ใกล้สนามบินฮาเนดะ
นายโยชิฮิเดะ ซูกะ หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เหตุระเบิดในฐานทัพสหรัฐอเมริกาทำให้ประชาชนบริเวณใกล้เคียงเกิดความตื่นตระหนกจึงเรียกร้องให้สหรัฐอเมริกาค้นหาสาเหตุ และวางมาตรการป้องกันต่อไป ส่วนเทศบาลเมืองซากามิฮาระ แจ้งว่าได้รับคำขอโทษจาก พ.อ.วิลเลียม จอห์นสัน ผู้บัญชาการฐานทัพสหรัฐในญี่ปุ่นแล้ว และกองทัพสหรัฐจะเป็นผู้สืบสวนหาสาเหตุของการระเบิดภายในฐานทัพ ตามข้อตกลงสถานะการใช้อำนาจระหว่างญี่ปุ่น-สหรัฐ
ส่วนเหตุเพลิงไหม้ที่หอทำความเย็น โรงงานเหล็ก เพลิงไหม้ลามไปยังโรงงานผลิตเครื่องสำอางของบริษัท คาโอ คอร์ป ที่อยู่ติดกัน แต่สายการบินออลนิปปอน แอร์เวย์ส และแจแปน แอร์ไลน์ส ระบุว่า เหตุเพลิงไหม้ใกล้สนามบินไม่กระทบต่อการบิน
ประธานาธิบดีฟรังซัวส์ ออลลองด์ ผู้นำฝรั่งเศส เปิดทำเนียบในกรุงปารีส เชิญชายอเมริกัน 3 คน และชายอังกฤษอีก 1 คน ร่วมพิธีเชิดชูเกียรติสูงสุดเพื่อแสดงความขอบคุณที่ระงับเหตุมือปืนชาวโมร็อกโกพยายามก่อเหตุกราดยิงบนรถไฟของฝรั่งเศสที่มีผู้โดยสารหนาแน่น และความกล้าหาญของทั้ง 4 คนทำให้ไม่เกิดความสูญเสียร้ายแรง
หน่วยงานด้านการอนุรักษ์เมืองโบราณพัลไมราของซีเรีย เปิดเผยว่า กลุ่มรัฐอิสลามหรือไอเอสระเบิดทำลายวิหารบัล ชามิน หนึ่งในสถานที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของกลุ่มโบราณสถานเมืองพัลไมราในยุคโรมัน
พายุไต้ฝุ่นโกนีทำให้มีชาวฟิลิปปินส์เสียชีวิตเกือบ 30 คน และเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งภาคใต้ของญี่ปุ่น ส่งผลให้เกิดพายุฝนตกหนัก และลมกระโชกแรง เบื้องต้นมีผู้เสียชีวิตแล้ว 1 คน เป็นชายวัย 66 ปี ในจังหวัดมิยาซากิ กับบ้านเรือนกว่า 21,400 หลัง ยังไม่มีไฟฟ้า
ยามชายฝั่งกรีซช่วยเหลือผู้อพยพ 6 คนและกำลังเร่งค้นหาผู้สูญหาย 6 คน จากเหตุเรือผู้อพยพจมนอกชายฝั่งเกาะเลสบอสในทะเลอีเจียน โดยพบศพชาย 1 ราย อย่างไรก็ตามตลอดช่วงสุดสัปดาห์นี้ เจ้าหน้าที่กู้ภัยและยามชายฝั่งกรีซช่วยเหลือผู้อพยพจากเรือ 30 ลำ ในทะเลอีเจียน นอกชายฝั่งเกาะ เลสบอส คีออส ซามอส คอส สามารถช่วยผู้อพยพขึ้นฝั่งได้ 877 คน
ทหารยูเครนร่วมการสวนสนามเฉลิมฉลองวันชาติ 24 สิงหาคม ที่กรุงเคียฟ ซึ่งไม่ได้เน้นไปที่การแสดงแสนยานุภาพทางทหารมากนัก เนื่องจากมีความกังวลว่าจะเป็นประเด็นที่อ่อนไหวท่ามกลางสถานการณ์ทางภาคตะวันออกของประเทศ ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่เดือนเมษายน 2557
สื่อท้องถิ่นในบาห์เรนรายงาน รัฐบาลสุหนี่จับกุมชีค ฮัซซัน อิซซา อดีตสมาชิกรัฐสภา ผู้อำนวยการหน่วยสืบสวนอาชญากรรมและสมาชิกระดับสูงของกลุ่มชาวชีอะห์ซึ่งเป็นแกนนำฝ่ายค้าน ในข้อหาสนับสนุนเงินให้กับกลุ่มหัวรุนแรง หลังจากเขาเพิ่งเดินทางกลับมาจากอิหร่านเพื่อระดมเงินทุน
พรรคประชาธิปไตยมัลดีฟส์ (MDP) ของอดีตประธานาธิบดีโมฮาเหม็ด นาชีด เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ทางการควบคุมตัว นายนาชีดจากบ้านพักในกรุงมาเลไปคุมขังที่เรือนจำบนเกาะมาฟูชิอีกครั้ง แม้ว่าเมื่อเดือนก่อนเขาจะได้รับการลดโทษจำคุก 13 ปี เป็นกักบริเวณในบ้านพัก
สำนักงานศุลกากรดานัง เวียดนาม ยึดงาช้างกว่า 2 ตัน ต่อเนื่องจากที่เมื่อ 8 วันที่แล้ว เพิ่งยึดได้เกือบ 1 ตัน มูลค่า 4 ล้าน 4 แสนดอลลาร์ โดยอำพรางว่าเป็นไม้ซุงซุกซ่อนมากับสินค้าไม้สักจากไนจีเรีย ระบุชื่อผู้รับเป็นบริษัทเดียวกับผู้รับงาช้างและนอแรดจากโมแซมบิกที่ศุลกากรดานังยึดไว้ได้เกือบ 1 ตันเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม
เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเวเนซุเอลาในกรุงการากัส ช่วยเหลือผู้สูงอายุกว่า 30 คน จากบ้านพักคนชรา ชิวาโก ซีเนียร์ส เซนเตอร์ ซึ่งเกิดเพลิงไหม้และทำให้มีผู้เสียชีวิต 8 คน โดยเป็นผู้เสียชีวิตจากการถูกไฟคลอก 3 คน และขาดอากาศหายใจอีก 5 คน
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดการซื้อขายเมื่อคืนนี้ ในแดนลบ โดยดัชนีดาวโจนส์ลดลง 588.40 จุด หรือร้อยละ 3.57 ปิดที่ 15,871.35 จุด
ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 77.68 จุด หรือร้อยละ 3.94 ปิดที่ 1,893.21 จุด
ดัชนีแนสแด็กลดลง 179.79 จุด หรือร้อยละ 3.82 ปิดที่ 4,526.25 จุด
ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากการที่ดัชนีหุ้นในตลาดเซี่ยงไฮ้ คอมโพซิท ของจีนปิดตลาดในวันจันทร์ลดลงถึงร้อยละ 8.5 ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก โดยตลาดสหรัฐฯอยู่ในพื้นที่สีแดงตลอดทั้งวัน ขณะที่ดัชนีหุ้นอังกฤษ ฝรั่งเศส และเยอรมนี ต่างลดลงไม่ต่ำกว่าร้อยละ 4.5
ส่วนน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียท ส่งมอบเดือนตุลาคมในตลาดสิงคโปร์ลดลง 1.04 ดอลลาร์ ไปอยู่ที่บาร์เรลละ 39.41 ดอลลาร์นับเป็นการลดลงต่ำกว่า 40 ดอลลาร์ ครั้งแรกในรอบ 6 ปี หลังจากมีการรายงานข้อมูลว่าแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐ มีจำนวนเพิ่มขึ้นทั้งที่ปริมาณน้ำมันในโลกมีเกินความต้องการ
ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์ทะเลเหนือ ส่งมอบเดือนตุลาคม ลดลง 91 เซนต์ อยู่ที่ 44.55 ดอลลาร์
*-*