การลงทุนในตลาดหุ้นไทยวันนี้ ปิดตลาดภาคเช้า ที่ระดับ 1,313.18 จุด ลดลง 52.43 จุด หรือร้อยละ 3.84 มูลค่าซื้อขาย รวม 32,800.41 ล้านบาท ดัชนีหุ้นไทยเปิดตลาดร่วงลงไป 30 จุดทันที ก่อนจะไหลลงมาติดลบกว่า 40 จุด เป็นไปตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศที่ร่วงลงในเกณฑ์ร้อยละ 3-7 หลังดัชนีดาวโจนส์ดิ่งแรงกว่าร้อยละ 3 เมื่อวันศุกร์ เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกได้ฉุดตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงลง ขณะที่มีแรงขายนำออกมาในหุ้นขนาดใหญ่ นำโดย กลุ่มพลังงาน แบงก์ และสื่อสาร สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1. บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) 2. บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) 3. ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) 4. บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) และ 5. บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)
นายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์การลงทุน บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้เปิดมาติดลบกว่า 30 จุด เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ต่างปรับตัวลงกันหนัก ราวร้อยละ 2 ขึ้นไป เนื่องจากมีความกังวลเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัว ขณะเดียวกัน การประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)ในวันที่ 16-17 ก.ย.นี้ มีความวิตกว่า อาจจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเฟดได้ ส่วนเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ นักลงทุนต่างรอดูนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งเมื่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา อาจจะช่วยหนุนตลาดฯ ได้บ้าง
ส่วนความเคลื่อนไหวในตลาดหุ้นต่างประเทศ ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกง ร่วงลง 1,129.95 จุด เคลื่อนไหวที่ 21,279.64 จุด ดัชนีนิกเกอิ ญี่ปุ่น ร่วงลง 895.15 ปิดที่ 18,540.68 จุด เซี่ยงไฮ้ คอมโพสิต ตลาดหุ้นจีน ลดลง 297.84 จุด อยู่ที่ 3,209.91 จุด
ส่วนสถานการณ์ค่าเงินบาท นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดที่ระดับ 35.72/73 บาท/ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ที่ปิดตลาด 35.66 บาท/ดอลลาร์ ยังคงอ่อนค่าต่อเนื่องตามภูมิภาคและปัจจัยต่างๆ ในประเทศ ทั้งการปรับคณะรัฐมนตรี เหตุการณ์ระเบิดราชประสงค์
CR:แฟ้มภาพ