*รอบวัน:พระราชทานความช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ-ญาติผู้เสียชีวิต/บวงสรวงพระพรหมหลังเหตุระเบิด/สอบสามล้อไม่เกี่ยวเหตุระเบิด/เผางาช้างของกลาง*

21 สิงหาคม 2558, 07:13น.


*ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 07.30 น.*



+++พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี เชิญดอกไม้พระราชทานไปมอบแก่ผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุระเบิดบริเวณสี่แยกราชประสงค์ และเข้ารับการรักษาพยาบาล เมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๘ ณ โรงพยาบาลตำรวจ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน โรงพยาบาลเลิดสิน โรงพยาบาลพระรามเก้า และโรงพยาบาลสมิติเวชศรีนครินทร์ สำนักนายกรัฐมนตรีร่วมกับกรุงเทพมหานคร หน่วยงานภาครัฐและเอกชน จัดพิธีบำเพ็ญกุศล บริเวณสี่แยกราชประสงค์เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้เสียชีวิตที่ประสบเหตุจากการวางระเบิด และทำบุญถวายแด่ศาลองค์ท้าวมหาพรหมที่สี่แยกราชประสงค์



+++ผลการสอบสวนสามล้อที่รับผู้ต้องสงสัยไปที่แยกราชประสงค์ พลตำรวจโทประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยผลการสอบปากคำคนขับรถตุ๊กตุ๊ก ขณะนี้คนขับรถตุ๊กตุ๊กให้ข้อมูลว่ารับชายต้องสงสัยระเบิดราชประสงค์มาจากริมถนนแห่งหนึ่งมาส่งบริเวณโรงแรมเอราวัณ จริงก่อนจะแยกย้ายกันไป ส่วนข้อมูลมากกว่านี้ไม่สามารถเปิดเผยได้ ด้านการพูดคุยกับชายต้องสงสัย คนขับรถตุ๊กตุ๊กบอกว่าไม่ได้พูดคุยกัน เพียงแต่ว่าชายต้องสงสัยส่งรูปให้ดูว่าต้องการไป รพ.ตำรวจ จากนั้นจึงไปส่ง แต่เลี้ยวไม่ได้จึงไปส่งโรงแรมเอราวัณ ซึ่งการสอบสวนเบื้องต้นเชื่อคนขับตุ๊กตุ๊กเป็นเพียงพยานปากสำคัญไม่เกี่ยวกับคดี ส่วน 2 ชายต้องสงสัยใส่เสื้อสีแดงและสีขาวนั้น ชายเสื้อสีแดงได้เข้าให้ปากคำแล้ว ยืนยันเป็นคนจังหวัดเชียงใหม่ วันเกิดเหตุได้พาเพื่อนชาวจีนที่ใส่เสื้อสีขาวมาเที่ยว หลังจากนั้นก็ได้เดินออกจากจุดเกิดเหตุไม่นาน ยืนยันไม่เกี่ยวข้องกับคดี ด้านเพื่อนเสื้อขาวได้เดินทางกลับจีนแล้วเมื่อวานนี้



+++พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ยืนยันคนร้ายก่อเหตุวางระเบิดบริเวณสี่แยกราชประสงค์ มีผู้ร่วมก่อเหตุ มีการทำเป็นขบวนการไม่ต่ำกว่า10 คน เชื่อมีการวางแผนสำรวจเส้นทางนานเป็นเดือนก่อนก่อเหตุ และมั่นใจว่ามีคนไทยเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุอย่างแน่นอน เพราะจากการสืบสวนเชื่อว่าผู้ก่อเหตุทราบเส้นทางที่ใช้หลบหนีเป็นอย่างดี  พร้อมเพิ่มรางวัลนำจับผู้ต้องหาก่อเหตุระเบิดดังกล่าว เป็นเงิน 2 ล้านบาท โดยได้รับการบริจาคเงินจากนักธุรกิจพันล้าน ที่ไม่ประสงค์ออกนาม อีกจำนวน 1 ล้านบาท ทำให้ยอดรางวัลนำจับขณะนี้อยู่ที่ 4 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังได้รับความอนุเคราะห์จากบริษัทเอกชน สนับสนุนเครื่องคัดกรองบุคคล ติดตั้งที่ท่าอากาศยานดอนเมือง และสุวรรณภูมิ เพื่อเพิ่มมาตรการคุมเข้มการตรวจตราบุคคลออกนอกประเทศ นอกจากนี้ ได้มีการขอความร่วมกับบางประเทศเป็นพิเศษ แต่ยังไม่ขอเปิดเผยในรายละเอียดของข้อมูล พร้อมกันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปูพรมลงสำรวจพื้นที่ต้องสงสัยตามแหล่งชุมชนต่างๆ



+++ด้านกองบัญชาการติดตามสถานการณ์คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ขอความร่วมมือประชาชน หากพบเบาะแสหรือมีข้อมูลเพิ่มเติมของผู้ต้องสงสัยขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทันที และเจ้าหน้าที่จะเพิ่มระดับการบังคับใช้กฎหมายต่อผู้ที่เผยแพร่ข้อมูลทางสื่อสังคมออนไลน์ในลักษณะที่ผิดกฎหมาย และผู้ที่ออกมาสร้างเหตุก่อกวนจนทำให้สังคมเกิดความสับสนหรือตื่นตระหนกอย่างจริงจัง



++++พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้หน่วยงานที่ดูแลโซเซียลมีเดียตรวจสอบกลุ่มคนที่ออกมาซ้ำเติมประเทศ ซึ่งจะได้เห็นธาตุแท้ของคนกลุ่มนี้ ซึ่งเป็นกลุ่มซ้ำๆ อาจจะเป็นคนส่วนน้อย ตนอยากจะวิงวอนให้กลับมารวมพลังกับประชาชนส่วนใหญ่สร้างความเข้มแข็งให้ประเทศ อย่าซ้ำเติมประเทศเพียงเพราะทัศนคติ หรือความคิดต่างทางการเมือง เมื่อสถานการณ์คลี่คลายสู่ภาวะปกติค่อยกลับมาพูดถึงความเห็นต่างทางการเมือง



+++เริ่มวันนี้  พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ได้เรียกประชุมชุดสืบสวนสอบสวน 88 สน. จัดการความปลอดภัยนักท่องเที่ยว ยุทธการ “ปิดเมือง ค้นรังโจร” เพื่อเอ็กซเรย์พื้นที่กรุงเทพฯ หลังเกิดเหตุระเบิดที่บริเวณแยกราชประสงค์  3 วัน ตั้งแต่วันที่ 21-23 สิงหาคม และปิดล้อมตรวจค้นแหล่งเป้าหมาย โดยกำหนดให้ทุกกองบังคับการประชุมวางแผนแนวทางในวันที่ 21 สิงหาคม เวลา 09.00 น. และรายงานผลกลับมายัง บช.น. ต่อไป



+++พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ไม่อยากให้เรียกว่า ผู้ก่อการร้าย เพราะในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เรายังไม่เรียกผู้ก่อการร้ายเลย จะไปเรียกแขกหรืออย่างไร ต้องดูอีกทีว่าเป็นพวกไหน เป็นพวกการเมืองหรือไม่   “เราต้องระมัดระวังตัวเอง ไม่ใช่มันจะไม่เกิด ซึ่งจะเกิดเมื่อไหร่ก็ได้ แต่เรื่องการเมืองก็ไม่ได้ตัดทิ้ง คิดได้หลายอย่าง



+++ต้องตามกันต่อหลังมีการแต่งตั้งรัฐมนตรีชุดใหม่ ปฎิบัติหน้าที่ พันเอกวินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณี นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ออกมาระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ตั้งโผ ครม.ประยุทธ์ 3 มีแต่ข้าราชการและมีทหารชี้นำ ว่าอาจไม่ใช่เรื่องเกินความคาดหมายที่อดีตฝ่ายการเมืองบางท่าน จะออกมากล่าวถึงการปรับ ครม.ในทันที ในลักษณะเหมือนมองข้ามเกียรติของบุคคลที่จะเข้ามาบริหารราชการแผ่นดิน เข้าใจว่าอาจเป็นเพราะยังยึดติดกับทัศนคติส่วนตัวเดิมๆ โดยมารยาทแล้วควรจะต้องให้โอกาสผู้บริหารใหม่ ได้ทำงานแสดงความสามารถเสียก่อน ไม่ใช่จะตัดสินศักยภาพของบุคคล ด้วยเพียงคิดว่า เป็นอาชีพใดอาชีพหนึ่งนั้น ไม่น่าจะเป็นสิ่งที่ควรกระทำ พันเอกวินธัย กล่าวอีกว่าการที่นายจาตุรนต์ กล่าวถึงการปรับ ครม.ว่าเป็นไปเพื่อรักษาอำนาจของรัฐบาลนั้น ดูไม่สมเหตุสมผล เพราะรัฐบาลนี้ชัดเจนมาตลอดว่าเข้ามาในเจตนาเพื่อแก้ไขปัญหาประเทศ ไม่ได้มาแสวงหาอำนาจ และเชื่อมั่นว่า “อำนาจ” ที่แท้จริงนั้น คือการที่ประชาชนยอมรับ ศรัทธา ชื่นชม และให้ความร่วมมือ กับผู้บริหารประเทศ ซึ่งทั้งหมดเกิดจากผลลัพธ์ของการกระทำของรัฐบาลนั้นๆมากกว่า เช่น ยึดมั่นทำในสิ่งที่ดี เป็นประโยชน์ต่อประชาชน สังคม และประเทศชาติอย่างจริงจังยั่งยืน เป็นอำนาจที่ไม่อาจสืบทอดให้ใครได้ หากมิได้อยู่บนพื้นฐานที่กล่าวมา 'บิ๊กตู่' ประธานเผางาช้าง ครั้งแรกในประเทศไทย



+++26 ส.ค.นี้  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานเผาทิ้งงาช้างของกลางคดีสิ้นสุด 2.1 ตัน คิดเป็นจำนวน 2,155 กิโลกรัม มีทั้งงาช้างท่อน ส่วนใหญ่เป็นงาช้างแอฟริกาอยู่ในสภาพสวยงาม สมบูรณ์ มีความยาวตั้งแต่ 1-3 เมตร จำนวนกว่า 100 กิ่ง และลักษณะเป็นท่อนกว่า 200 ท่อน และผลิตภัณฑ์งาช้างที่ดำเนินคดีมาตั้งแต่ปี 2535 เพื่อเตรียมนำไปบดและเผาทำลายเป็นครั้งแรกของประเทศไทยในวันที่ 26 สิงหาคมนี้ นอกจากนี้ ยังตรวจสอบงาช้างอีกจำนวน 540.67 กิโลกรัม เพื่อส่งมอบให้หน่วยงานราชการ สถาบันการศึกษา เพื่อนำไปใช้ประโยชน์เพื่อการศึกษา โดยขั้นตอนจะลำเลียงของกลางไปยังลานพิธี นิมนต์พระสงฆ์มาสวดส่งวิญญาณ เนื่องจากคนไทยมีความเชื่อว่างาช้างเป็นของสูง และพิธีพราหมณ์เพื่อบอกกล่าวเทวดาฟ้าดิน เมื่อเสร็จพิธีทางศาสนาจะเอาเข้าเครื่องบดย่อยหินซึ่งสามารถบดย่อยได้ขนาดเล็กสุด 7-10 มิลลิเมตร ต่อมาจะนำงาช้างที่ผ่านการบดแล้วบรรจุลงถังขนาด 200 ลิตร ก่อนลำเลียงขึ้นรถบรรทุกนำไปเผาที่บริษัท อัคคีปราการ ซึ่งเป็นโรงงานกำจัดกากสารเคมีและวัตถุอันตรายจากอุตสาหกรรม ในนิคมอุตสาหกรรมบางปู จ.สมุทรปราการ ตลอดเส้นทางจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยอารักขาจนกว่าจะเดินทางไปถึงโรงงาน กากที่เหลือจากการเผาจะไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อีก สำหรับงาช้างจำนวน 540.67 กิโลกรัม จะมอบให้กับคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จากนั้นไทยจะทำรายงานผลการดำเนินการทั้งหมดตั้งแต่การบังคับใช้กฎหมาย การขึ้นทะเบียนงาช้าง การเผาทำลาย เป็นต้น ส่งไปยังสำนักงานเลขาฯไซเตส ในวันที่ 15 กันยายนนี้ เชื่อว่าประเทศไทยจะไม่ถูกคว่ำบาตรทางการค้าพืชและสัตว์ตามกฎหมายไซเตสอย่างแน่นอน

ข่าวทั้งหมด

X