จากเหตุระเบิดที่ย่านราชประสงค์เมื่อคืนนี้ สำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่งรายงานโดยอ้างคำเปิดเผยของนักวิเคราะห์สถานการณ์ในประเทศไทย สอดคล้องกันว่า แม้จะยังไม่มีกลุ่มใดที่อ้างว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุ แต่ เหตุการณ์นี้มีความเป็นไปได้น้อยที่จะเป็นการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่มักจะก่อเหตุรุนแรงอยู่ในพื้นที่ และมุ่งทำร้ายเจ้าหน้าที่รัฐ แต่ผู้ก่อเหตุในครั้งนี้ เลือกก่อเหตุในย่านที่เป็นศาสนสถานของชาวฮินดูและมีนักท่องเที่ยวหนาแน่นตลอดเวลา บริเวณใกล้เคียงยังเป็นย่านธุรกิจการค้า นอกจากนี้ยังก่อเหตุในช่วงเวลาที่มีการจราจรติดขัดด้วย
ด้านกระทรวงการต่างประเทศอังกฤษ เตือนให้พลเมืองติดตามรายงานข่าวและเพิ่มความระมัดระวัง ส่วนนายลี เซียน ลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวแสดงความเสียใจ และบอกว่ามีชาวสิงคโปร์ ได้รับบาดเจ็บด้วย ขณะที่กระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ออกแถลงการณ์ประณามผู้ก่อเหตุและขอให้พลเมืองสิงคโปร์ในไทยไม่อยู่ใกล้จุดที่เกิดเหตุระเบิดและคอยติดตามข่าวสาร
หนังสือพิมพ์เดอะ การ์เดี้ยนในอังกฤษ รายงานด้วยว่านับตั้งแต่รัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา บริหารประเทศ สถานการณ์ในกรุงเทพฯ ถือว่าอยู่ในความสงบมาโดยตลอด แม้ว่ากระแสความเห็นขัดแย้งทางการเมืองจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่เมื่อนับย้อนหลังจะมีเหตุระเบิดขนาดเล็กหรือพบวัตถุระเบิดมาแล้วหลายครั้ง แต่ที่มีความรุนแรงในลักษณะคล้ายกันคือในช่วงปีใหม่ของปี 2549 ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 3 ศพ แต่ทั้งหมดไม่เคยมีกลุ่มใดยอมรับว่าเป็นผู้ก่อเหตุ
ส่วนเดอะบลูมเบิร์ก วิเคราะห์ว่า เหตุระเบิดมีผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทย ซึ่งในปัจจุบันก็มีการเติบโตอย่างเชื่องช้า ความต้องการสินค้าในประเทศตลอดจนภาคการส่งออกยังอ่อนแอ ขณะที่นักวิเคราะห์ของบลูมเบิร์กเอง ก็มีความเห็นว่าเหตุการณ์นี้อาจมีปัจจัยหลายด้าน แต่ไม่น่าจะเป็นผู้ก่อเหตุจากจังหวัดชายแดนใต้
..F163..