รัฐบาลท้องถิ่นระดับรัฐและเขตปกครองพิเศษหลายแห่งของออสเตรเลีย รวมถึงรัฐนิวเซาท์เวลส์ และรัฐวิคตอเรีย ได้ร้องขอให้สำนักงานความปลอดภัยด้านการบินพลเรือน(คาซา)พิจารณากำหนดเขตห้ามบินเหนือเรือนจำ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการใช้โดรนเพื่อหย่อนสิ่งของลงไปในบริเวณเรือนจำ นายเดวิด เอลเลียตต์ รัฐมนตรีคุมประพฤติประจำรัฐนิวเซาท์เวลส์ กล่าวกับสถานีวิทยุแห่งชาติออสเตรเลียในวันนี้ว่า การใช้โดรนเพื่อบินใกล้บริเวณเรือนจำถือเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงเช่นกัน ระบุว่าทุกวันนี้ กลุ่มอาชญากรมีวิธีการคิดที่ซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ จำเป็นที่หน่วยงานที่ดูแลเรือนจำและคุมประพฤติจะต้องสร้างมั่นใจว่า พวกเขาสามารถจะป้องกันเหตุในลักษณะตัดไฟแต่ต้นลม
ก่อนหน้านี้ ตำรวจได้จับชายชาวออสเตรเลียคนหนึ่งเมื่อเดือนมีนาคมปีก่อน หลังการพยายามใช้โดรนเพื่อลักลอบย่อนยาเสพติดลงในบริเวณเรือนจำแห่งหนึ่งของเมืองเมลเบิร์น ก่อนหน้านี้ รัฐบาลท้องถิ่นและเขตปกครองพิเศษเคยเสนอให้คาซาพิจารณาเรื่องนี้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ เพื่อให้กำหนดเขตห้ามบินเหนือเรือนจำ ทั้งป้องกันไม่ให้มีการขายโดรนเพื่อวัตถุประสงค์ในการลักลอบลำเลียงสินค้าผิดกฎหมายไปให้กับผู้ต้องขัง ด้านนายปีเตอร์ กิบสัน โฆษกคาซา กล่าวว่าตามกฎหมายปัจจุบันของออสเตรเลีย การกำหนดเขตห้ามบินเหนือเรือนจำเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ระบุว่า กฎหมายปัจจุบันอนุญาตให้จำกัดเขตห้ามบินผ่านได้เฉพาะกรณีที่เห็นว่า ดำเนินการเพื่อความปลอดภัยของสาธารณชน ความมั่นคงแห่งชาติและความปลอดภัยด้านการบิน ไม่มีกรณีใดที่กฎหมายเปิดโอกาสให้กำหนดเขตห้ามบินเหนือเรือนจำ
กฎระเบียบปัจจุบันเพียงแต่กำหนดให้ผู้ใช้โดรนควบคุมโดรนให้ห่างจากผู้คนกว่า 30 เมตร ไม่ให้โดรนบินระดับใกล้พื้นดินมากเกินไปและควบคุมโดรนให้อยู่ในสายตาตลอดเวลา เขาเพิ่มเติมว่า หากปรากฏว่ามีการควบคุมโดรนบินเข้าไปหรือบินรอบๆเรือนจำ ถือว่าผิดกฎระเบียบเรื่องนี้อย่างชัดเจน เพิ่มเติมว่า ทางคาซาจะพิจารณาทบทวนกฎระเบียบควบคุมการบินด้วยโดรนให้แล้วเสร็จภายในปีหน้า/14.55 น.