หลังพนักงานสอบสวนกองบังคับการกองปราบปราม เรียกตัว น.ส.กัญฐนา ศิวาธนพล พริตตี้สาวที่ได้รับโอนหุ้นจากนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง อายุ 50 ปี นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ มาสอบปากคำเพิ่ม โดย มีพล.ต.ท. ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมฟังการสอบสวนด้วย
นายเสกสรร เสนาชู ทนายความ น.ส.กัญฐนา ชี้แจงว่า หลักจากเดินทางกลับจากการให้ปากคำกับทางพนักงานสอบสวน กองปราบปราม พบว่ามีรถติดตามไปยังที่พัก แต่ไม่ได้มีการข่มขู่ใดๆจากพฤติกรรมนี้ จึงเห็นว่าจะไม่ปลอดภัยจึงย้ายไปพักที่บ้านญาติในจังหวัดกาญจนบุรี ส่วนที่หายไปโดยติดต่อไม่ได้ ยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาที่จะหลบหนีแต่ทำไปเพื่อความปลอดภัย
ด้าน น.ส.กัญฐณา ได้เปิดเผยว่าในส่วนของการโอนหุ้นที่นายชูวงษ์ได้โอนให้นั้น ยอมรับว่ามีการพูดคุยกันมาก่อนแต่ไม่ทราบว่าจะมีการโอนให้ถึง 200 ล้าน โดยนายชูวงษ์ได้บอกแต่เพียงว่าให้เพื่อเป็นทุนเลี้ยงดูตัวเองและบุตร ส่วนเรื่องดีเอ็นมีการตรวจเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่ขอเปิดเผยผลการตรวจ แต่ได้ไปอัลตร้าซาวน์มาแล้วพบว่าเป็นเด็กผู้ชายและอยู่ในช่วงใกล้คลอดแล้ว จึงอาจจะไม่สามารถมาให้ปากคำเพิ่มเติมได้ โดยภายหลังคดีสิ้นสุดจะมีการแถลงเปิดเผยความรู้สึกทั้งหมดต่อสื่อมวลชนอีกครั้ง
ขณะที่ประเด็นที่น.ส.กัญฐณามีความสนิทชิดเชื้อกับชายอีกรายที่เป็นบุตรของข้าราชการระดับสูงใน จ.สุราษฎร์ธานี ยอมรับว่าเคยมีการคบหากันมาก่อนแต่ได้เลิกรากันไปก่อนที่จะมาคบหากับนายชูวงษ์
ด้านพลตำรวจโทประวุฒิ กล่าวว่าการเรียกน.ส.กัญฐนามาสอบสวนเพิ่มเติมในวันนี้ เพื่อสอบถามเกี่ยวกับเอกสารต่างๆและช่วงเวลาของการทำธุรกรรมการซื้อ-ขายหุ้น รวมทั้งขั้นตอนการรับโอนหุ้นทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีข้อสงสัยที่ต้องสอบถามอีกหลายประเด็น ส่วนประเด็นที่ถูกชายฉกรรจ์ติดตาม ส่วนกรณีที่ผู้บัญชการตำรวจแห่งชาติ สั่งโอนคดีจาก สน.อุดมสุข มาให้กองปราบปรามดำเนินการต่อ ยืนยันเจ้าหน้าที่จะดำเนินการสืบสวนอย่างต่อเนื่องจนกว่าคดีจะสิ้นสุด
ภาพ-ข่าว พนิตา สืบสมุทร