การเตรียมเปิดขายทอดตลาดทรัพย์สินคดีพล.ต.ท. พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อตัดวงจรการฟอกเงิน และนำเงินคืนสู่แผ่นดิน พันตำรวจโทหญิงเอมอร ไชยบัวแดง รองเลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ฝ่ายบริหาร หรือ ปปง. กล่าวว่า หลังจากที่คณะกรรมการธุรกรรมมีมติให้เจ้าหน้าที่ ปปง. ตรวจสอบทรัพย์สินเกี่ยวกับการกระทำความผิดของพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ซึ่งเป็นบุคคคลที่มีพฤติการณ์เรียกรับผลประโยชน์จากการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ เรียกรับผลประโยชน์จากธุรกิจผิดกฎหมาย เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 เพื่อนำมาขายทอดตลาด เป็นครั้งที่ 3 เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบทรัพย์สินหลายประเภท ประกอบด้วย ภาพวาดจิตรกรรม เครื่องเงิน เครื่องแก้ว ถ้วยเบญจรงค์ และวัตถุโบราณอีกจำนวนมาก ซึ่งทรัพย์สินบางประเภทที่เก็บไว้อาจมีการเสื่อมราคาและมีค่าใช้จ่าย สำนักงาน ปปง.จึงร่วมกับ บริษัทสหการประมูล จำกัด(มหาชน) กำหนดขายทอดตลาดทรัพย์สิน จำนวน 916 รายการ มูลค่ารวมกว่าเก้าล้านหกแสนบาท คาดว่า หลังการเปิดประมูลมูลค่าน่าจะเพิ่มขึ้น 1-2 เท่าของมูลค่ารวมของทรัพย์สินทั้งหมด โดยจะเปิดให้เข้าดูทรัพย์สินได้ระหว่างวันที่ 19-20 ส.ค. เวลา 10.00 -16.30 น. และเปิดประมูลในวันที่ 21-24 ส.ค ตั้งแต่เวลา 10.00 น.เป็นต้นไป
สำหรับทรัพย์สินที่น่าสนใจในครั้งนี้ได้แก่ ตู้ตกแต่งหลังใหญ่ จากยุโรป ที่มีมูลค่ากว่า 3แสนบาท นับว่าเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่ามากที่สุดในงานเนื่องจากเป็นงานแฮนเมดทั้งหมด พระพุทธรูปสัมฤทธิ์ ชุดชามเบญจรงค์เคลือบลายสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ อายุกว่า 100 ปี ภาพเขียนรูปพระพุทธเจ้า สีอครีลิคบนผ้าใบ ผลงานของอาจารย์ปรีชา เถาทอง
สำหรับผู้ที่ประสงค์จะเข้าร่วมประมูลสามารถตรวจสอบข้อมูลจากเว็บไซต์ของสำนักงานปปง.หรือบริษัทสหการประมูล จำกัด โดยจะต้องลงทะเบียนและวางหลักประกันจำนวนร้อยละ 10 ของราคาเริ่มต้น หากทรัพย์สินมีมูลค่าไม่เกิน 5หมื่นบาท จะต้องชำระเป็นเงินสดภายในวันดังกล่าว และหากมูลค่าเกิน 5หมื่นบาทขึ้นไปจะต้องมัดจำเป็นเงินสดจำนวน ร้อยละ25 ของราคาประมูลและทยอยจ่ายให้ครบภายใน 15 วัน
ผู้สื่อข่าว:พนิตา สืบสมุทร