ศาลอาญา เลื่อนนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ในคดีรื้อบาร์เบียร์สุขุมวิท ซอย 10 หลังทนายจำเลยบางคน และนายประกันได้แจ้งต่อศาลว่า มีจำเลยบางคนได้เสียชีวิตลงทำให้ศาลต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงจากทนายความและนายประกันดังกล่าว โดยใช้เวลาระยะหนึ่งก่อน ขณะที่นายชูวิทย์เดินทางมาศาลด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ถือถุงใส่แปรงสีฟัน ยาสีฟัน และของใช้ส่วนตัวมาพร้อมสรรพ พร้อมกับเปิดเผยรายละเอียดของการถูกฟ้องดังกล่าว และขอน้อมรับทุกคำตัดสิน โดยศาลได้เลื่อนอ่านคำพิพากษาออกไปวันที่ 15 ต.ค.58 เวลา 09.00 น
สำหรับคดีนี้ พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง จ.ส.อ.อภิชาติ ริมมสาร หรือรัมมะสาร, นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย และอดีตผู้บริหารบริษัทสุขุมวิท ซิลเวอร์สตาร์, พ.ท.หิมาลัย ผิวพรรณ หรือ"เสธ.หิ" นายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา บก.สส. (ตำแหน่งขณะฟ้องปี 2546), พ.ต.ธัญเทพ ธรรมธร หรือ "เสธ.แอ๊ป" นายทหารสังกัดกองพันทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ตำแหน่งขณะฟ้องปี 2546) และพวกรวม 131 คน เป็นจำเลย ในความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์, บุกรุกในเวลากลางคืน และกักขังหน่วงเหนี่ยวข่มขืนใจให้บุคคลปราศจากเสรีภาพ ตามฟ้องโจทก์บรรยายพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อช่วงเช้ามืดเวลา 04.00 น. วันที่ 26 ม.ค. 2546
ศาลชั้นต้นพิพากษา ให้จำคุก 1 ปี นายชาญเวทย์ มาลัยบูชา จำเลยที่ 49 ซึ่งเป็นทนายความนำเอกสารสิทธิ์การครอบครองที่ดินไปแจ้งต่อพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี ให้ลงบันทึกประจำวันช่วงเวลาเดียวกับที่กลุ่มชายฉกรรจ์กำลังรื้อถอน แต่ศาลเห็นว่าคำให้การในชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 49 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง จึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 8 เดือน
ส่วนจำเลยอื่นศาลยกประโยชน์แห่งความสงสัย ให้ยกฟ้อง แต่พอมาในชั้นศาลอุทธรณ์ ได้พิพากษากลับว่า นายชูวิทย์ กับพวกอีก 2 คน ที่เป็นนายทหาร มีความผิดจริง จึงสั่งจำคุกคนละ 5 ปี โดยไม่รอลงอาญา ซึ่งนายทหารทั้ง 2 ได้ยื่นเงิน 5 แสนบาท เพื่อประกันตัว ส่วนด้านนายชูวิทย์ ได้ปล่อยตัวเพราะมีเอกสิทธิ์ ส.ส.คุ้มครองในขณะนั้น