รอยเตอร์รายงานว่า ราคาน้ำมันดิบร่วงลงในวันนี้ หลังจีนลดค่าเงินหยวน นับเป็นความพยายามครั้งล่าสุดเพื่อประคองเศรษฐกิจจีนให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้สินค้าโภคภัณฑ์ที่ซื้อขายโดยใช้เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯมีราคาแพงกว่า และจะกระทบต่อแนวโน้มอุปสงค์ด้านน้ำมันดิบของจีน หนึ่งในประเทศที่ใช้พลังงานสูงที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ก่อนหน้านี้ เศรษฐกิจจีน คาดว่าจะเติบโตร้อยละ 7 ในปีนี้ เป็นตัวแปรที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งที่ทำให้ราคาน้ำมันร่วงลงหนักเมื่อปีก่อน นอกจากปัจจัยเรื่องปริมาณน้ำมันดิบล้นตลาดโลก
สำหรับราคาน้ำมันดิบตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้า 4 เดือนที่ตลาดเบรนท์กรุงลอนดอน อังกฤษ ร่วง 71 เซนต์อยู่ที่ 49.70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เมื่อเวลา 11.10 น.ตามเวลาท้องถิ่นของวันนี้ ถือว่าร่วงลงมากหลังการทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคม ขณะที่ราคาน้ำมันดิบที่ตลาดสหรัฐฯร่วง 80 เซนต์ อยู่ที่ 44.16 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ก่อนหน้านี้ ธนาคารกลางของจีนได้ลดค่าเงินหยวนครั้งเดียวเกือบร้อยละ 2 หลังตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัวออกมาแย่ ส่งผลให้ค่าเงินหยวนลดสู่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 3 ปี ล่าสุดวันนี้ ตัวเลขยอดขายรถยนต์ในจีนร่วงร้อยละ 7.1 เมื่อเดือนก่อน อยู่ที่ 1.5 ล้านคัน ร่วงหนักที่สุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2556
ด้านนายฮัมซา ข่าน นักวิเคราะห์จากไอเอ็นจี แบงค์ ระบุว่าถือเป็นข่าวร้ายในเรื่องราคาน้ำมันเนื่องจากจีนจะต้องจ่ายเงินแพงขึ้นเพื่อนำเข้าน้ำมัน แต่อีกด้านหนึ่ง การลดค่าเงินเท่านี้ถือว่าเพียงพอที่จะช่วยฟื้นการส่งออกของจีน ปรับปรุงตัวเลขจีดีพีให้ดีขึ้น หลังจากนั้นตลาดน้ำมันจะกลับมาคึกคักอีกครั้งในระยะยาว นอกจากนั้นสิ่งที่เพิ่มแรงกดดันต่อราคาน้ำมันดิบอีกคือ กลุ่มโอเปกได้เพิ่มตัวเลขคาดการณ์การผลิตน้ำมันจากกลุ่มที่ไม่ใช่สมาชิกโอเปกในปีนี้ว่าจะเพิ่ม 90,000 บาร์เรลต่อวันในปีนี้