หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ครม. พล.ต.สรรเสริญ แก้วกําเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมามากในช่วงนี้ทำให้สถานการณ์ภัยแล้งในหลายพื้นที่คลี่คลายลงไปในทางที่ดีขึ้น แต่ถึงอย่างไรก็คงต้องเฝ้าติดตามอยู่เพราะปริมาณน้ำฝนที่ไหลลงเขื่อนหลักยังมีไม่มากนัก ซึ่งก็จะต้องเฝ้าติดตามต่อไป แต่จากที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องประเมิณคาดว่า จะมีน้ำเพียงพอใช้จนถึงฤดูแล้วในปีหน้า
ส่วนแนวทางการช่วยเหลือเกษตรกรนั้นพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขอให้ทุกฝ่ายรวบรวมข้อมูลต่างๆมาเสนอในที่ประชุม ครม.ภายในสัปดาห์สุดท้ายเดือนสิงหาคมนี้ เพื่อที่ทางรัฐบาลจะได้วางมาตราการช่วยเหลือต่อไป เช่น อาจจะสนับสนุนปัจจัยทางการผลิต ,หรือสนับสนุนเมล็ดพันธุ์ เป็นต้น
ที่ประชุม ครม.ยังอนุมัติการขยายพื้นที่เป้าหมายช่วยเหลือการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต2558 เพิ่มเติมอีก 5แสนไร่ ในวงเงิน 154ล้านบาทโดยในเบื้องต้นจะให้ทางธนาการเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ ธ.ก.ส. จ่ายให้เกษตรก่อน และหลังจากนั้นค่อยมาเบิกกับรัฐบาลในปีงบประมาณหน้า
ส่วนมาตราการในการลดค่าครองชีพเรื่องการเดินทางของประชาชน ในวันนี้กระทรวงคมนาคมได้เสนอเข้ามา แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนว่าผู้ที่จะได้รับการยกเว้นจะเป็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อยประเภทได้ ซึ่งทางพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งให้รัฐมนตรีว่าการกระทวงการคลังไปประสานทุกภาคส่วนเพื่อหาข้อยุติมาเสนอต่อที่ประชุมใหม่ภายในเดือนตุลาคม โดยระหว่างนี้จะขยายมาตราการรถเมล์ รถไฟฟรีอกไปจนถึงสิ้นเดือนตุลาคม
ด้านพล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภับในประเทศพม่า ซึ่งก่อนหน้านี้ทางกระทรวงการต่างประเทศได้มอบเงินช่วยไปแล้ว 5ล้านบาท และทางมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ให้เงินช่วยเหลือไปอีก 5ล้านบาท หลังจาก เอกอัครราชทูตพม่า ประจําประเทศไทย เข้าพบนายกรัฐมนตรี ได้ระบุว่านอกจากขอความช่วยเหลือเรื่องเงินแล้ว ยังขอความช่วยเหลือ อาหารแห้ง ,เต้นท์ผ้าใบ ,ยา เวชภัณฑ์ต่างๆ เป็นต้นซึ่งทางกระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงกลาโหมจะดำเนินการประสานนำส่งต่อไป โดยกระทรวงการต่างประเทศจะส่งเงินช่วยเหลือเพิ่มเติมไปอีกประมาณ 4ล้านบาท รวมทั้งเงินที่ทางกระทรวงต่างประเทศส่งไปช่วยพม่ารวมทั้งสิ้น 9,780,000บาท