ในวันนี้ธนาคารแห่งประเทศไทย จะแถลงผลดำเนินงานของธนาคารพาณิชย์ ต้องติดตามยอดสินเชื่อ และเงินฝาก ช่วงครึ่งแรกปีนี้ รวมทั้งหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
นายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สั่งการให้สาขาทั่วประเทศสำรวจหนี้สินของเกษตรกรที่มีอยู่ประมาณ 1 ล้าน 4 แสนราย มูลหนี้ 3 แสน 8 หมื่นล้านบาท โดยสำรวจว่ามีลูกหนี้ของธนาคารจำนวนเท่าใด เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ หรือขยายระยะเวลาชำระหนี้และการปลดหนี้สิน ส่วนหนี้นอกระบบจำนวนมากกว่า 1 แสน 4 หมื่น 9 พันราย มูลหนี้ 2 หมื่น 1 พันล้านบาทนั้น มีส่วนที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปช่วยเหลือเร่งด่วนจากการเสี่ยงจะถูกยึดที่ดินทำกินประมาณ 9 หมื่น 2 พันราย มูลหนี้ 1 หมื่น 4 ร้อยล้านบาท ซึ่งกระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะหารือกันอีกครั้งและคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 2-3 สัปดาห์
พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยผลการเดินทางไปเยือนจีนเมื่อสัปดาห์ก่อน ซึ่งได้ข้อสรุปด้านการเจรจาขายข้าวในแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล (จีทูจี) ตามที่ลงนามในสัญญาเบื้องต้นไปเมื่อปลายปีก่อนว่าจีนจะซื้อข้าวจากไทยปริมาณ 2 ล้านตัน กำหนดระยะเวลาส่งมอบ 2 ปี โดยจะลงนามในสัญญาซื้อขายสำหรับข้าว 1 ล้านตันแรก วันที่ 13-14 กันยายนนี้ เป็นสัญญาซื้อขายข้าวใหม่ทุกชนิด ทั้งข้าวขาว 5% และข้าวหอมมะลิ ส่วนราคาขายจะกำหนดเป็นราคาตลาด ส่วนที่เหลืออีก 1 ล้านตัน รัฐบาลจีนจะเดินทางมาไทยเพื่อเจรจาในรายละเอียดต่อไป
โดยในวันที่ 28 สิงหาคมนี้ กระทรวงพาณิชย์จะเสนอขอความเห็นชอบจากที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพื่อพิจารณา และจะเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีต่อไป
เมื่อวานนี้ กรมการค้าต่างประเทศเปิดให้เอกชนที่สนใจเข้าร่วมประมูลข้าวสารในสต็อกรัฐบาลครั้งที่ 5 ปี 2558 ปริมาณ 6 แสน 6 หมื่น 8 พันตัน ยื่นซองเอกสารตรวจสอบคุณสมบัติ มีผู้สนใจเข้ายื่นซองรวม 58 ราย และในวันนี้ ผู้ที่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติจะยื่นซองเสนอราคา
สำหรับข้าวสต็อกรัฐที่นำมาประมูลครั้งนี้ เป็นข้าวในคุณภาพสำหรับบริโภค อยู่ใน 82 คลังจาก 29 จังหวัด แบ่งเป็นข้าว 11 ชนิด เช่น ข้าวขาว 5% ข้าวขาว 10% ข้าวเหนียว 10% ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2 ปลายข้าวขาวเอวัน ปลายข้าวขาวเอวันเลิศ ข้าวท่อนปทุม ข้าวปทุมธานี ปลายข้าวหอมมะลิ ข้าวท่อนหอมมะลิ ปลายข้าวหอมปทุม จากคลังขององค์การคลังสินค้า (อคส.) และคลังจากองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.)
มาที่ข่าวอาชญากรรม พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ จริตเอก รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ประชุมชุดคลี่คลายคดีลอบยิงนายสมยศ สุธางค์กูร นักธุรกิจชื่อดังเสียชีวิตเมื่อค่ำวันที่ 29 มิถุนายน และมีการสอบพยานไปทั้งหมด 31 ปาก โดยประเด็นหลักๆ ยังคงเป็น 3 ประเด็น คือ เรื่องเกี่ยวกับหนี้พนัน การเช่าทรัพย์สิน และเรื่องที่ผู้ตายรับวิ่งเต้นทำคดี ซึ่งคดีมีความคืบหน้าไปประมาณร้อยละ 70-80 แล้ว โดยเจ้าหน้าที่ได้พุ่งเป้าไปที่มือปืนจากซุ้มมือปืนในภาคเหนือตอนล่าง และภาคใต้ตอนบน เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีการจ้างวานฆ่า จึงจะต้องหาตัวมือปืนเพื่อนำตัวมาสอบสวน และเปรียบเทียบกับคำให้การของพยานทั้งหมดที่สอบไปก่อนหน้านี้
ส่วนคดีนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง อายุ 50 ปี นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน และญาติยังติดใจเรื่องการเสียชีวิตและโอนหุ้นมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้นซึ่งเมื่อวานนี้ ครอบครัวเข้ายื่นหนังสือที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติอีกครั้ง เพื่อท้วงติงเรื่องบันทึกผลการชันสูตรพลิกศพนายชูวงษ์จากสถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ โดยระบุว่า ไม่ตรงกับรูปภาพร่องรอยบาดแผลบนศพ รวมถึงมีเอกสารที่ยืนยันว่า หุ้นที่ถูกโอนไปนั้น ก็เป็นเงินของนายชูวงษ์ทั้งหมด
พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยว่า จากการประชุมร่วมกับพนักงานสอบสวนของกองบัญชาการตำรวจนครบาล ที่รับผิดชอบเรื่องอุบัติเหตุและพนักงานสอบสวนของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยเฉพาะกองบังคับการปราบปรามที่รับผิดชอบเรื่องพิรุธการโอนหุ้น ทำให้สรุปได้ว่าในเบื้องต้นจะมีการออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการปลอมแปลงเอกสารการโอนหุ้น ที่มีความไม่ชอบมาพากลชัดเจนตามรายงานของกองพิสูจน์หลักฐาน อย่างไรก็ตาม ได้เน้นย้ำต่อพนักงานสอบสวนว่าไม่ต้องรีบร้อน ให้ไปหาพยานหลักฐานให้ครบถ้วนถูกต้อง ก่อนที่จะเสนอต่อศาลเพื่อขออนุมัติออกหมายจับ
ส่วนกรณีการจับกุมกลุ่มผู้ใช้รถจักรยานยนต์ ที่ขับขี่บนท้องถนนโดยก่อความเดือดร้อนรำคาญ บริเวณช่องทางด่วน ถนนวิภาวดีรังสิต ด้านขาออก แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ซึ่งในเบื้องต้นมีจำนวนรถจักรยานยนต์อยู่เกือบ 260 คน อย่างไรก็ตาม ในการจับกุมเจ้าหน้าที่ได้แยกกลุ่มผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ โดยผู้ที่มีเอกสารครบถ้วน สวมหมวกกันน็อค และไม่ได้ตัดแปลงสภาพรถก็ปล่อยตัวไป โดยยังเหลืออยู่ 71 คนที่เป็นผู้ที่มีอายุ 18 ปีพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลวิภาวดี ร่วมด้วยเจ้าหน้าที่ทหาร นำตัวมาที่ศาลแขวงพระนครเหนือ เพื่อให้พนักงานอัยการคดีศาลแขวงพระนครเหนือ ยื่นฟ้องต่อศาล ส่วนผู้ต้องหาที่เป็นเยาวชน อายุไม่เกิน 18 ปี จำนวน 39 คนเจ้าหน้าที่ได้ส่งไปดำเนินคดีต่อศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง
โดยผู้ต้องหาทั้งหมดถูกแจ้งข้อหาขับขี่รถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย และกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.การจราจรทางบก เช่น ไม่มีใบอนุญาตขับขี่ ไม่สวมหมวกนิรภัย อุปกรณ์รถไม่ครบถ้วน โดยโทษของการขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยตามพ.ร.บ.จราจรทางบก มาตรา 43(8) จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือนปรับตั้งแต่ 2,000-10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
จากนั้น ศาลพิพากษาว่ากระทำความผิดจริงและให้จำคุกจำเลยคนละ 2 เดือน ปรับคนละตั้งแต่ 500-3,000 บาท โดยโทษจำคุกให้รอลงอาญา ริบรถจักรยานยนต์ของกลาง
ส่วนศูนย์ปฏิบัติการสืบสวนและช่วยเหลือเหยื่อในคดีฉ้อโกงประชาชน (ยูฟัน) กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) พล.ต.ท.สุวิระ ทรงเมตตา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) แถลงจับกุมนายกิตติวัสส์ ฉัตรวดีอธิเลิศ อายุ 28 ปี ผู้ต้องหาคนที่ 51 ฐานร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์เป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม และร่วมกันกระทำความผิดการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเป็นสมาชิกบริษัทยูฟันฯ ในโครงข่ายของนายอภิชณัฏฐ์ แสงกล้า โดยมีสมาชิกสายงาน 2 สาย กว่า 233 ราย มียอดเงินในบัญชี 28 ล้านบาท ซึ่งนายกิตติวัสส์ ยอมรับว่า เป็นเงินสมาชิกแลกซื้อเงินดอลลาร์สหรัฐ แล้วเปลี่ยนเป็นค่าเงินยูโทเค่น ได้ค่าดูแลบริการร้อยละ 7
*-*