*รอบวัน: รมว.ยธ.เผยพรุ่งนี้ต้องได้คำตอบเรื่องถอดยศทักษิณ/ดัชนีเชื่อมั่นเดือนส.คต่ำสุดรอบ14 เดือน/เมียนมาร์-ไต้หวัน เสียหายหนักจากพายุ*

10 สิงหาคม 2558, 21:02น.


+++กรณีสมาชิกสภาปฏิรูป (สปช.) บางส่วน เสนอปฏิรูปประเทศ 2 ปี ก่อนการเลือกตั้ง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยืนยันมาตลอดว่า จะทำงานตามโรดแมปที่วางไว้ และยังไม่เห็นความจำเป็นที่ต้องเปลี่ยนแปลงจากกำหนดเดิม เพื่ออยู่บริหารประเทศต่อ เพราะหากมีรัฐธรรมนูญที่ดี ประชาชนยอมรับ และช่วยการปฏิรูปประเทศต่อไป น่าจะเป็นแนวทางที่ดีที่สุด



+++ส่วนการเข้าอวยพรวันคล้ายวันเกิดครบ 70 ปีของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เท่าที่สังเกตอาการป่วยถือว่าฟื้นตัวเร็วมาก สภาพทั่วไปหายเป็นปกติ และในวันพรุ่งนี้ (11 ส.ค.) พล.อ.ประวิตรจะเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ที่ทำเนียบรัฐบาล



+++พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมและผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะเลขาธิการ คสช.กล่าวถึงการเดินหน้าตามโรดแมป คสช. ควบคู่ไปกับการแก้ปัญหาความขัดแย้งในสังคม ที่ยังมีความเห็นต่าง ที่อาจกระทบต่อความมั่นคง ว่า พล.อ.ประยุทธ์ ให้ความชัดเจนว่า จะดำเนินการตามโรดแมปที่วางไว้  โดยการทำงานของแต่ละภาคส่วน ทั้งเรื่องปฏิรูปและยกร่างรัฐธรรมนูญยังคงเดินหน้าต่อไป ส่วนคนที่คิดต่างและไม่เข้าใจบ้าง ไม่มีปัญหา เพราะเป็นการเคลื่อนไหวที่อยู่ในกรอบที่รับได้ อย่างไรก็ตาม ศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป (ศปป.) ได้เชิญฝ่ายต่างๆ มาพูดคุย ซึ่งเป็นประโยชน์ในการดำเนินการของรัฐบาล  และต้องขอบคุณทุกคนที่ให้ความร่วมมือด้วยดี



+++กระแสคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวว่า เป็นสิทธิส่วนบุคคลในการแสดงความคิดเห็น และเชื่อว่าสมาชิก สปช.มีวิจารณญาณในการตัดสินใจในการลงมติด้วยตัวเอง  กรณีที่กรรมาธิการปฏิรูปการเมือง และกรรมาธิการปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม จะนัดหารือหลังได้รับร่างรัฐธรรมนูญแล้วว่า เป็นเรื่องปกติที่จะรวมกลุ่มกันเพื่อพูดคุยเรื่องนี้ แต่ยืนยันว่าสปช.โดยรวมจะไม่มีกิจกรรมใดๆ หลังรับร่างรัฐธรรมนูญจนกว่าจะถึงวันลงมติ เชื่อมั่นว่าสมาชิกสปช.ทั้ง 249 คน มีอิสระในการลงมติ



+++พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะหัวหน้าฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมของคสช. กล่าวถึงเรื่องการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า ได้ทำหนังสือเชิญคณะกรรมการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ชุดที่พิจารณาเรื่องการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อให้มาร่วมประชุมกับคณะทำงานฝ่ายกฎหมายของกระทรวงยุติธรรม ในวันพรุ่งนี้ (11 ส.ค.) เวลา 15.30 น.โดยจะมีการซักถามประเด็นเกี่ยวกับปัญหาข้อติดขัด รวมทั้งปัญหาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง



 ได้สั่งให้คณะทำงานทุกคนที่เกี่ยวข้องเตรียมเอกสารหลักฐานมาชี้แจงให้ครบ จะได้ดูว่าตามระเบียบกฎเกณฑ์แล้วสามารถถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้หรือไม่ และที่ผ่านมาติดขัดตรงไหน โดยในวันพรุ่งนี้ผลการประชุมต้องทราบทิศทางที่จะตอบคำถามประชาชนได้ชัดเจนว่า จะถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ถอดยศ และต้องบอกได้ว่าถ้าถอดได้เพราะอะไร หรือถ้าถอดไม่ได้เพราะอะไร เพราะเรื่องนี้ประชาชนสนใจ หลังจากนั้นจะส่งผลรายงานให้ พล.อ.ประยุทธ์ พิจารณาต่อไป ในฐานะที่ท่านเป็นประธาน สตช.         



+++ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน ประจำเดือนสิงหาคม นางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยว่า ดัชนีอยู่ที่ระดับ 57.27 ปรับตัวลดลงถึงร้อยละ 41.7  จากดัชนีเดือนก่อนซึ่งอยู่ที่ 98.28 และนับเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 14 เดือน  โดยความเห็นนักลงทุนทุกกลุ่ม ทั้งสถาบันในประเทศ บริษัทหลักทรัพย์ ต่างชาติ และ รายย่อย เห็นตรงกันว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยซบเซา และช่วงที่เหลือของปีก็น่าจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆโดยปัจจัยที่กังวลมากที่สุดคือ ภาวะเศรษฐกิจไทย ที่ซบเซา ส่วนปัจจัยที่มีโอกาสจะผลักดันเศรษฐกิจได้ ก็คือ นโยบายเศรษฐกิจ หากภาครัฐเดินหน้าได้รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยรัฐบาลควรเน้นการดูแลเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำ รวมถึงประคับประคองธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี )ให้อยู่รอด เพื่อรอการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ



+++พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า แม้กระทรวงพาณิชย์จะปรับประมาณการตัวเลขส่งออกปีนี้เป็นติดลบร้อยละ 3 ซึ่งเป็นไปตามสถานการณ์โลก แต่ในช่วงสุดท้ายของปีนี้กระทรวงพาณิชย์ ยังเร่งผลักดันการส่งออกเพื่อให้ติดลบน้อยที่สุด ทั้งนี้ แม้มูลค่าการส่งออกของไทยปีนี้จะลดลง แต่ส่วนแบ่งทางการตลาดของไทยยังคงเท่าเดิมและมีการปรับตัวดีขึ้นบางตลาด



+++ดัชนีหุ้นไทยปิดตลาด ติดลบ 8.66 จุด  ที่ระดับ 1,420.13 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 33,551.43 ล้านบาท



+++ส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ ดัชนีนิเคอิ ตลาดหุ้นโตเกียวของญี่ปุน เพิ่มขึ้น 84.13 จุด ปิดที่ 20,808.69 จุด ส่วนฮั่งเส่ง ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 31.35 จุด ปิดที่ 24,521.12 จุด



+++พล.ต. อ.เรืองศักดิ์ จริตเอก รองผู้บัญชาการแห่งชาติ เปิดเผยหลังประชุมชุดสืบสวนคดีสังหารนายสมยศ สุธางค์กูร อดีตเจ้าของพระราม9คาเฟ่ ว่าหลังจากคดีผ่านมา 42 วัน พนักงานสอบสวนสอบปากคำไปแล้ว 31 ปาก และคดีมีความคืบหน้ามากกว่าร้อยละ70 ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการเชื่อมโยงหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะดีเอ็นเอที่เก็บจากก้นบุหรี่ และขวดน้ำ ในที่เกิดเหตุเพื่อเปรียบเทียบกับดีเอ็นเอของมือปืนตามซุ้มต่างๆและผู้ต้องสงสัยรวมถึงเปรียบเทียบกระสุนขนาด.38ที่คนร้ายใช้สังหารนายสมยศ กับฐานข้อมูลที่คนร้ายเคยใช้ก่อเหตุคดีต่างๆเทียบกับคดีนายสมยศ โดยพุ่งเป้าไปที่ซุ้มมือปืนภาคเหนือตอนล่างและภาคใต้ตอนบน ซึ่งจากการข่าวและการสืบสวน พบว่ามีโอกาสเป็นไปได้ที่มือปืนจะมาจากซุ้มดังกล่าว



+++พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมตำรวจกองปราบปราม นำหมายศาลเข้าตรวจค้น บริษัทสแตนดาร์ท เพอฟอร์แมนซ์จำกัด  ของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง  นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ในซอยนาคนิวาส 21  ย่านลาดพร้าว71 เพื่อรวบรวมหลักฐานเกี่ยวกับการโอนหุ้นของนายชูวงษ์  เนื่องจากคำให้การของโบรกเกอร์ พาดพิงว่ามีการติดต่อทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ หรือ อีเมลล์  กับนายชูวงษ์ผ่านบริษัทนี้ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนจะนำไฟล์เอกสารเกี่ยวกับอีเมลล์ ไปตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ส่วนการออกหมายจับบุคคลที่อาจจะเกี่ยวข้องกับการปลอมแปลงเอกสาร เพื่อเอื้อประโยชน์ในการโอนหุ้นของนายชูวงษ์ ต้องมีความรอบคอบ และมีพยานหลักฐานชัดเจน  โดยพบว่ามีผู้เกี่ยวข้องมากกว่า 2 คน ที่เข้าข่ายกระทำความผิด ซึ่งมีพฤติกรรมสมรู้ร่วมคิด ในการปลอมแปลงเอกสารการโอนหุ้น ตำรวจยังไม่ระบุว่า การโอนหุ้น เป็นมูลเหตุที่ทำให้นายชูวงษ์ เสียชีวิต



+++สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองย่างกุ้ง ประเทศเมียนมาร์ อ้างข้อมูลจาก เดอะ โกลบอล นิว ไลท์ ออฟ เมียนมาร์  ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษของรัฐบาลเมียนมาร์ ว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจากน้ำท่วมใหญ่ มากกว่า 100 ศพ และประชาชนอีกเกือบ 1 ล้านคน  ใน 12 จาก 14 รัฐ ได้รับผลกระทบ และกำลังเดือดร้อนอย่างหนักจากระดับน้ำที่ยังคงท่วมสูง ทั้งนี้ พื้นที่การเกษตรมากกว่า 3 ล้านไร่ต้องจมอยู่ใต้น้ำ โดยในจำนวนนี้มากกว่า 1 ล้านไร่ได้รับความเสียหายและต้องได้รับการฟื้นฟูอย่างหนัก ขณะที่ 4 รัฐทางตะวันตกของประเทศ ได้แก่รัฐยะไข่ รัฐชิน เขตสะกาย และเขตมาเกว ยังคงอยู่ภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉินจากภัยพิบัติที่เป็นผลจากอิทธิพลของพายุไซโคลน โกเมน โดยรัฐยะไข่ได้รับความเสียหายมากที่สุด



+++ทางการไต้หวัน เร่งซ่อมแซมระบบจ่ายกระแสไฟฟ้าให้แก่ประชาชนมากกว่า 90,000 ครัวเรือน ซึ่งยังคงอาศัยอยู่ท่ามกลางความมืดมิด หลังพายุไต้ฝุ่นเซาเดโลร์เคลื่อนที่พาดผ่านเมื่อวันเสาร์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 6 ศพ บาดเจ็บมากกว่า 400 คน ขณะที่ทหารและอาสาสมัครกระจายกำลังกันค้นหาผู้ยังสูญหายอีก 10 คน ในเขตนิวไทเป ทางเหนือสุดของเกาะ พร้อมทั้่งเร่งลำเลียงอาหารแห้งและน้ำสะอาดไปแจกจ่ายให้แก่ผู้ประสบภัย กระทรวงเกษตร ประเมินมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นกับพื้นที่เพาะปลูก 1,000 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน หรือ ราว 1,120 ล้านบาท  โดยสวนกล้วยและสวนส้มโอได้รับความเสียหายอย่างหนัก



+++หลังจากมีรายงานว่า พบชิ้นส่วนที่เกาะมัลดีฟส์และเจ้าหน้าที่กำลังเก็บรวบรวมไว้เผื่อว่าจะมาจากเที่ยวบินที่เอ็มเอช370 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์หายไปเมื่อวันที่ 8 มีนาคมปีที่แล้ว กระทรวงขนส่งของมาเลเซีย กล่าวว่า  หากมีการระบุว่าชิ้นส่วนที่พบมาจากเครื่องบิน ก็จะต้องมีการหารือถึงขั้นตอนต่อไปถึงกระบวนการวิเคราะห์ที่มาของชิ้นส่วนดังกล่าว



+++เหตุระเบิดฆ่าตัวตายที่บริเวณประตูด้านหน้าของที่ทำการท่าอากาศนานาชาติฮามิด คาร์ไซ ในกรุงคาบูล เมื่อเวลา 12.00 น.ตามเวลาท้องถิ่นของวันนี้ ยังไม่มีกลุ่มใดอ้างความรับผิดชอบ นายอาซิส คาวูซี โฆษกระทรวงสาธารณสุขของอัฟกานิสถาน กล่าวว่า มีคนเสียชีวิต 4 ศพและบาดเจ็บอีก 15 คน แรงระเบิดสร้างความเสียหายให้กับอาคารใกล้เคียงและรถยนต์อีกหลายคันที่จอดอยู่ในบริเวณนั้น



 





 

ข่าวทั้งหมด

X