โครงการคัดกรองมะเร็งเต้านมเนื่องในวโรกาส สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมมายุครบ 83 พรรษา โดยความร่วมมือของโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ร่วมกับ โรงพยาบาลปทุมธานี และสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดปทุมธานี
รศ.นพ.องค์การ เรืองรัตนอัมพร รักษาการรองผู้อำนวยกรฝ่ายการแพทย์และบริหารงานทางการแพทย์โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ กล่าวว่า โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความตระหนักถึงการตรวจมะเร็งเต้านมด้วยตนเองอย่างถูกวิธี เนื่องจากปัจจุบัน โรคมะเร็งเต้านมมีอัตราป่วยและตายสูงขึ้นทั่วโลก สำหรับประเทศไทย มีผู้ป่วยมะเร็งเต้านมกว่า 54,000 รายและในทุกๆ 2 ชั่วโมงพบว่ามีผู้ป่วยรายใหม่จำนวน 3 ราย ในจำนวนนี้ยังไม่นับรวมผู้ป่วยอีกจำนวนมากที่ยังตรวจไม่พบหรือไม่ได้เข้ารับการตรวจ ส่วนสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งเต้านมในขณะนี้ยังไม่สามารถค้นหาสาเหตุที่แท้จริงได้ รวมถึงยังไม่มีเทคโนโลยีที่จะช่วยป้องกันโรคมะเร็งเต้านม
โดยภายในงานมีนิทรรศการที่ให้ความรู้เกี่ยวกับมะเร็งเต้านม และ บูทเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับอาหารที่เรารับประทานในแต่ละวันว่ามีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านมอย่างไร ทั้งนี้พันธุกรรมก็มีส่วนที่ทำให้เกิดมะเร็งเต้านมได้เช่นกัน จึงทำได้แค่เพียงตรวจเต้านมอย่างถูกวิธีและสม่ำเสมอ จึงจะพบก้อนเนื้อที่สงสัยตั้งแต่ระยะเริ่มต้น และทำการรักษาให้หายขาดได้ทันเวลา
นอกจากนี้โรคมะเร็งเต้านมยังเป็นปัญหาที่ทางก.สาธารณสุขพบมากเป็นอันดับ1ในผู้หญิงไทยและทั่วโลก ในทุกๆ 1 นาที จะมีผู้เสียชีวิตจากมะเร็งเต้านม 1 ราย สำหรับวิธีการตรวจหามะเร็งเต้านมที่นิยมใช้ในระยะเริ่มต้นมี 3 วิธี คือ การตรวจด้วยตัวเอง การตรวจโดยแพทย์หรือบุคลากรทางแพทย์ที่ได้รับการฝึกอบรม และการตรวจด้วยเครื่องถ่ายภาพรังสีเต้านม
ทั้งนี้โครงการจะจัดขึ้นในวันที่ 10 สิงหาคม 2558 ตั้งแต่เวลา 7.00 - 13.00 น. ที่พระตำหนักจักรีบงกช โดยคุณสมบัติของผู้เข้าร่วมโครงการจะต้องเป็นเพศหญิง ที่มีอายุ 30-70 ปี ที่มีที่อยู่อาศัยรอบบริเวณพระตำหนักจักรีบงกช ได้แก่ ตำบลบางขะแยง ตำบลบางคูวัด ตำบลบางเดื่อ จังหวัดปทุมธานี จำนวน 200 คน
จากการพูดคุยกับนางละเอียด พรมศาสตร์ อายุ 47 ปี อาชีพแม่บ้าน บอกว่า จากการตรวจด้วยตัวเองเป็นประจำพบว่ามีความผิดปกติที่บริเวณเต้านม จึงไปพบแพทย์ซึ่งแนะนำให้เข้ารับการตรวจอย่างละเอียดอีกครั้ง แต่เมื่อทราบข่าวจากภายในหมู่บ้านว่าวันนี้จะมีการตรวจมะเร็งเต้านม จึงได้เข้ามาตรวจ เพื่อจะรักษาอย่างถูกวิธี แต่เมื่อดูจากพฤติกรรมเสี่ยงต่างๆ ไม่พบว่า ตนเองจะอยู่ในกลุ่มเสี่ยง ทั้งด้านอาหารและพันธุกรรม เมื่อทราบว่าตัวเองมีความผิดปกติจึงรู้สึกตกใจ แต่เนื่องจากมีกำลังใจจากคนรอบข้างจึงทำให้สภาพจิตใจเป็นปกติและไม่รู้สึกกลัวในขณะนี้
...ผสข.พนิตา สืบสกุล