เมืองไทยฯ(2):พาณิชย์ขอความร่วมมือผู้ผลิตลดราคาสินค้า/การบินไทยพร้อมรับการตรวจสอบ/สน.วิภาวดีส่งฟ้องกลุ่มจักรยานยนต์ในวันนี้*

10 สิงหาคม 2558, 08:23น.


กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์  ขอความร่วมมือผู้ผลิตในการลดราคาสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันที่ราคาในตลาดโลกปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กำลังหารือกับห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ เพื่อขอให้จัดมหกรรมลดราคาสินค้าครั้งใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าแฟชั่น เช่นเสื้อผ้า กระเป๋า เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่น กระตุ้นเศรษฐกิจช่วงครึ่งปีหลัง และช่วยลดค่าครองชีพ โดยคาดว่าจะดำเนินการได้ในช่วงเดือนตุลาคมนี้ และในวันที่ 20 สิงหาคมนี้ ซึ่งเป็นวันพาณิชย์ก็จะมีการจัดงานลดราคาสินค้าเช่นกัน นอกจากนี้ จะหารือกับผู้ประกอบการเรื่องการปรับลดราคาสินค้า เนื่องจากราคาน้ำมันดีเซลลดลง ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตและต้นทุนการขนส่ง โดยน้ำมันดีเซลปรับลดลงเหลือ 22.89 บาทต่อลิตรซึ่งต่ำสุดในรอบ 6 ปี 3 เดือน



ส่วนเรื่องของการบินไทย นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.การบินไทย เปิดเผยถึงปัญหาและผลกระทบด้านการบินของไทยหลังจากที่องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ชี้ข้อบกพร่องที่มีนัยสำคัญต่อความปลอดภัย (Significant Safety Concern : SSC) และมีกรมการบินพาณิชย์ของหลายประเทศ ติดต่อขอเข้ามาตรวจสอบ เช่น กรมการบินพาณิชย์ของประเทศอินโดนีเซีย แจ้งว่าจะเข้ามาตรวจสอบการบินไทยภายในเดือนสิงหาคมนี้ ซึ่งนายจรัมพร กล่าวว่า การบินไทยเตรียมพร้อมเต็มที่ เพราะในเวลานี้ เราถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวดมากขึ้นกว่าเดิมถึง 4 เท่า และหลังจากที่สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติของสหภาพยุโรป หรือ EASA และสำนักงานบริหารการบินแห่ง ชาติของสหรัฐ หรือ FAA ประ กาศให้เวลา บพ.แก้ไขข้อบกพร่องอีก 65 วัน ก็ยังไม่มีผลกระทบเกิดขึ้น อย่างไรก็ตามในเวลานี้ทั่วโลกก็มีความเข้มงวดกับการตรวจสายการบินต่างๆ อยู่แล้ว



ทั้งนี้ EASA จะเข้ามาตรวจสอบไทยในเดือนพฤศจิกายนนี้



สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเตรียมเสนอเพิ่มโควตาให้รายย่อยเป็น 10 เล่มต่อราย จากเดิม 5 เล่ม ซึ่งนายธนวรรธน์ พลวิชัย กรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล ในฐานะโฆษกคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวว่า การประชุมในวันนี้ จะเสนอเรื่องเพิ่มโควตารายย่อย ตามที่ผู้ค้ารายย่อยให้ข้อมูลว่าจากเดิมที่ได้ 5 เล่มต้องไปหาสลากมาเพิ่มเติม ทำให้มีต้นทุนสูงขึ้น และหากได้ 10 เล่มจากสำนักงานโดยตรง จะทำให้มีกำไรเพียงพอ



ส่วนคดีนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง อายุ 51 ปี ซึ่งญาติไม่เชื่อว่าเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ และพบความผิดปกติเรื่องการโอนหุ้น ซึ่งพล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติเผยว่า ขณะนี้คดีอยู่ระหว่างดำเนินการรวบรวมเอกสารข้อมูลให้ครบถ้วนมากที่สุดในส่วนของโบรกเกอร์และเรื่องการโอนหุ้นขายหุ้น รวมทั้งไฟล์บันทึกเสียงการสนทนากับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เมื่อได้ครบหมดแล้วจะพิจารณาว่าสิ่งไหนที่เข้าองค์ประกอบความผิด พร้อมทั้งตรวจสอบเอกสาร จากนั้นจึงจะนำไปสู่ขั้นตอนการพิจารณาออกหมายจับผู้ที่กระทำความผิด



โดยในวันนี้ พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปอท. จะตรวจค้นบริษัทสแตนดาร์ด เพอร์ฟอแมนซ์ จำกัด ย่านลาดพร้าวของนายชูวงษ์ เพื่อตรวจหาหลักฐานเอกสารการทำธุรกรรมการโอนหุ้น และนำเครื่องคอมพิวเตอร์ของนายชูวงษ์มาตรวจสอบเพื่อหาอีเมล์ยืนยันการทำธุรกรรมการโอนหุ้นว่าปรากฏเมื่อใด



และเรื่องของกลุ่มรถจักรยานยนต์ที่นัดกันผ่านสื่อโซเชียลจะเดินทางไปท่องเที่ยวที่จังหวัดนครนายกเมื่อวานนี้ โดยในกลุ่มที่จับกุมและยึดรถในพื้นที่ สน.วิภาวดีรังสิต พ.ต.ท.สนอง แสงมณี รอง ผกก.งานศูนย์ควบคุมจราจรวิภาวดีรังสิต (สน.วิภาวดี) เปิดเผยว่า มีรถจักรยานยนต์ทั้งหมด 258 คัน กับผู้ขับขี่และซ้อนท้ายที่ถูกควบคุมตัว 361 คน เป็นชาย 227 คน และหญิง 31 คน ในจำนวนนี้มีเยาวชนรวมอยู่ด้วย 59 คน



ด้านนายวุฒิชัย เพชรแก้ว อายุ 27 ปี ตัวแทนกลุ่ม กล่าวว่า เป็นการนัดกันไปทำกิจกรรมเกี่ยวกับการกุศลและท่องเที่ยว สมาชิกส่วนใหญ่มาจากฝั่งธนบุรีและจังหวัดนนทบุรี โดยก่อนหน้านี้เคยจัดกิจกรรมลักษณะนี้มาแล้ว 1 ครั้ง มีรถจักรยานยนต์เข้าร่วมกว่า 1 พันคัน ไปที่หาดบางแสน จ.ชลบุรี



พล.ต.ท.ประวุฒิ ชี้แจงว่า การรวมตัวทำกิจกรรมใดๆก็ตามต้องเป็นไปตามกฎหมาย และคำนึงถึงความปลอดภัย เช่น ต้องใส่หมวกกันน็อก มีใบขับขี่ แต่ที่พบครั้งนี้คือมีการรวมตัวกันจำนวนมากและเข้าไปในช่องทางด่วนโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย จึงแจ้งข้อหาขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย และจะยึดรถ ส่วนเด็กที่มีอายุไม่ถึง 18 ปี แม้จะไม่มีพฤติกรรมในการแข่ง เราสามารถใช้ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กมาดำเนินการได้ เพราะว่ามีการออกมารวมตัวกันตั้งแต่ตี 5 ต้องเรียกผู้ปกครองมารับทราบพฤติกรรมของเด็กก่อนจะทำประวัติไว้ หากพบว่ามีการกระทำผิดลักษณะนี้อีกจะดำเนินการเพิ่มเติมต่อไป



โดยในการตรวจสอบรถจักรยานยนต์สำหรับผู้ที่มีเอกสารครบ ก็คืนรถให้พร้อมใบสั่ง แต่มีอยู่ 121 คันที่จะต้องยึดไว้ ส่วนผู้ขับขี่และซ้อนท้ายรวม 119 คน จะนำส่งฟ้องศาลแขวงพระนครเหนือ 85 คน ฐานความผิดขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่นตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก มาตรา 43 (8) ส่วนผู้ขับขี่ที่เป็นเยาวชนอายุไม่เกิน 18 ปีอีก 34 คน จะนำตัวส่งฟ้องศาลเยาวชนและครอบครัวกลางในความผิดเดียวกัน จะนำทั้งหมดส่งศาลวันนี้ เวลา 10.00 น. ส่วนผู้ซ้อนท้ายที่มีทั้งผู้ใหญ่และเยาวชนอีก 39 คน ไม่สวมกันน็อกทั้งหมด เจ้าหน้าที่จึงเปรียบเทียบปรับแล้วปล่อยตัวไป



ขณะเดียวกันที่จังหวัดสระบุรี พ.ต.อ.พงษ์พันธ์ วงศ์มณีเทศ ผกก.สภ.เมืองสระบุรี นำกำลังตำรวจ ทหารค่ายอดิศร สระบุรี และตำรวจทางหลวงหินกอง เข้าตรวจสอบกลุ่มรถจักรยานยนต์ประมาณ 300 คันที่ปั๊มน้ำมัน ปตท.ริมถนนบายพาสเลี่ยงเมืองฝั่งตะวันออก หมู่ 4 ต.กุดนกเป้า พบว่าส่วนใหญ่มาจาก จ.ลพบุรี จ.เพชรบูรณ์ และบางส่วนมาจาก จ.นครราชสีมา จึงแยกตรวจสอบและดำเนินคดีผู้ที่ไม่พกพาใบอนุญาตขับขี่ ไม่สวมหมวกกันน็อก และปรับแต่งสภาพรถเสียงดังรวม 158 คน ส่วนผู้ที่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายจึงปล่อยตัวไป



นายสุชาติ จริยาเลิศศักดิ์ รองผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการโคนมและสหกรณ์ ยื่นเรื่องขอให้คณะกรรมการพิจารณาสิทธิพิเศษของหน่วยงานและรัฐวิสาหกิจ กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง พิจารณาอนุมัติขยายอายุการให้สิทธิพิเศษในการจำหน่ายอาหารเสริม (นม) โรงเรียนแก่ อ.ส.ค. ออกไปอีก 5 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2558-30 กันยายน 2563 เนื่องจากสิทธิพิเศษในการจำหน่ายนมโรงเรียนของ อ.ส.ค.จะหมดอายุลงหลังวันที่ 30 กันยายนนี้ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมนมในประเทศ พร้อมรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซี (AEC) ในปลายปี 2558 และการเข้าสู่ระบบการจัดซื้อเสรีภายใต้การควบคุมของมิลด์บอร์ด ซึ่งจะเริ่มในวันที่ 1 ตุลาคม 2563 ขณะเดียวกันยังเป็นการเตรียมรับมือการเปิดการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย ตามข้อตกลงปี 2548 ซึ่งต้องยกเลิกการใช้มาตรการคุ้มครองพิเศษของสินค้าผลิตภัณฑ์นม โดยไม่กำหนดปริมาณโควตานำเข้าและภาษี ตั้งแต่ปี 2563  ซึ่งอาจมีการนำเข้านมผงจากออสเตรเลีย มาจำหน่ายภายในประเทศ รวมถึงสหภาพยุโรป (EU) ได้ยกเลิกกฏเกณฑ์การจำกัดโควตาปริมาณการเลี้ยงโคนมของประเทศสมาชิก EU ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา จะทำให้เกิดการแข่งขันด้านการส่งออกผลิตภัณฑ์นมในตลาดโลกอย่างรุนแรง



 *-*

ข่าวทั้งหมด

X