หลังเดินทางมาถึงตลาดน้ำคลองลัดมะยม โดยรถแท็กซี่สำหรับผู้พิการหรือผู้สูงอายุที่ใช้รถเข็นวีลแชร์ ของกรุงเทพมหานคร (กทม.) วันนี้กิจกรรม make a wish 1วัน 1 ปรารถนา ได้พานายแสงเดือน สุรเดช อายุ 46 ปี ผู้พิการที่ใช้รถเข็นวีลแชร์ เนื่องจากประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนเป็นอัมพาตช่วงล่าง มาเที่ยวที่ตลาดน้ำคลองลัดมะยม แถวตลิ่งชัน ซึ่งนายแสงเดือนเล่าว่า ไม่เคยมีโอกาสไปเที่ยวตลาดน้ำมาก่อน เห็นคนอื่นไปแล้วอยากไปบ้าง แต่เนื่องจากตัวเองเป็นผู้พิการและไม่ค่อยสะดวกในการเดินทาง จึงไม่สามารถออกไปไหนได้ นอกจากนี้นายแสงเดือนยังมีโรคติดเชื้อทางลำไส้ที่เกิดจากการขับถ่ายไม่ตรงเวลา ซึ่งเป็นปัญหาที่จะเกิดกับผู้พิการโดยทั่วไปเป็นประจำ เพราะระบบภายในร่างกายจะทำงานไม่ปกติ เวลาเจออากาศร้อนมากๆ จะมีอาการแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก เพราะร่างกายไม่สามารถขับเหงื่อได้ ต้องใช้กระบอกฉีดน้ำรีดผ้า ฉีดตามตัวเพื่อช่วยลดอุณหภูมิในร่างกาย และเมื่อเจออากาศเย็นก็จะมีอาการปวดกระดูก ปกติจะมีแม่ ที่คอยเป็นหลักดูแลทุกอย่างให้ ทั้งช่วยแต่งตัว อาหารการกิน
ในวันนี้ นายมงคล แก้วนิล หรือนายวรรณ อายุ 50 ปี จิตอาสาที่จะมาช่วยดูแลนายแสงเดือน ตลอดการเดินทางไปเที่ยวที่ตลาดน้ำคลองลัดมะยม ซึ่งนายวรรณ ได้เล่าว่าปัจจุบันมีธุรกิจส่วนตัว คือผลิตลังกระดาษส่งตามออเดอร์ ที่เป็นธุรกิจของครอบครัว โดยทำงานเป็นจิตอาสาทำมาประมาณ 10 ปี แต่ปัจจุบันทำได้ไม่ค่อยเต็มที่ เพราะต้องดูแลแม่ ที่ป่วยเป็นโรคชราเช่นกัน เหตุผลที่มาเป็นจิตอาสา คือ อยากลองค้นหาตัวเอง จากที่เป็นคนเที่ยว ดื่ม จึงเริ่มเปลี่ยนตัวเองให้สามารถทำประโยชน์ต่อสังคม และเมื่อมาเห็นอาสาสมัครทำงานทำคนพิการจึงอยากลองทำดู จนได้เริ่มเป็นอาสาสมัครเต็มตัว ส่วนความรู้สึกเมื่อได้ช่วยเหลือผู้พิการ มีความรู้สึกพอใจ อิ่มใจ และดีใจที่เปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนใหม่ และรู้สึกดีที่ได้ทำประโยชน์ให้สังคม
ด้านนายนพดล บ้านใหม่ ผู้ร่วมโครงการอีก1คน กล่าวถึงความรู้สึกที่ได้ทดลองใช้รถแท็กซี่สำหรับผู้พิการของกทม. โดยรู้จักโครงการนี้ผ่านทางศูนย์ไอแอลเป็นผู้แนะนำ ซึ่งนายนพดลทำงานเป็นจิตอาสาที่คอยให้คำแนะนำกับผู้พิการถึงการใช้ชีวิตประจำวัน ตลอดจนให้กำลังใจผู้พิการที่มีความท้อ และกำลังหมดหวัง ให้สู้ชีวิตต่อไปและสามารถใช้ชีวิตเหมือนคนปกติได้ หลังจากที่นายนพดลเคยใช้บริการแท็กซี่สำหรับผู้พิการมาก่อน ยอมรับว่า มีความสะดวกสบายมาก เนื่องจากต้องใช้เดินทางเป็นประจำ บางครั้งรถแท็กซี่สาธารณะทั่วไปก็มีการปฏิเสธการให้บริการ ทำให้ไม่สามารถเดินทางไปทำงานได้ ทั้งนี้นายนพดลได้ฝากถึงผู้พิการที่กำลังท้อแท้และสิ้นหวัง ให้ลองออกมาเปิดหูเปิดตามองสิ่งใหม่ๆ หรือเปลี่ยนวิธีการดำรงชีวิตในแต่ละวัน อาจจะทำให้มีพลังที่จะสู้ต่อไปในวันพรุ่งนี้ สำหรับข้อคิดที่นายนพดลได้ฝากไว้ในวันนี้คือ ผู้พิการแม้ว่าเราจะสูญเสียร่างกายหรือมีร่างกายไม่เหมือนคนปกติ แต่เราสามารถทำตัวให้มีคุณค่าและประโยชน์ได้อยู่ ในเมื่อยังไม่หมดลมหายใจก็อย่าเพิ่งท้อแท้
สุดท้ายนายแสงเดือนและนายนพดล ได้ฝากขอบคุณ กทม. จส.100 ที่ได้จัดโครงการดีๆ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกพร้อมทั้งคอยช่วยเหลือคนพิการ ให้ได้ออกมาเปิดหูเปิดตา และอยากจะเชิญชวนให้ผู้พิการออกมาใช้รถแท็กซี่สำหรับคนพิการ สำหรับผู้พิการที่สนใจจะขอใช้รถตู้ของโครงการ สามารถโทรมาจองลงทะเบียนได้ที่เบอร์ 02-2946524 ตั้งแต่เวลา 9.00 -16.00 น. และถ้าใช้จริงโทรจองล่วงหน้าก่อนสองวัน
ผู้สื่อข่าว:พนิตา สืบสมุทร