ผู้ค้าน้ำมัน ปรับลดราคาน้ำมันมีผลวันพรุ่งนี้ เวลา 05.00 น. โดยลดราคากลุ่มโซฮอล์ทุกชนิดและดีเซล 40 สตางค์ /ลิตร ยกเว้น อี -85 ลด 20 สตางค์/ลิตร
ส่งผลทำให้ราคาน้ำมันหน้าสถานีบริการน้ำมัน บางจาก เป็นดังนี้ ดีเซล 22บาท 89 สตางค์ /ลิตร ส่วน โซฮอล95 27 บาท 80 สตางค์ โซฮอล91 26 บาท 98 สตางค์ อี-20 25 บาท 58 สตางค์ และอี -85 22 บาท 48 สตางค์ /ลิตร
ก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวลดลงต่อเนื่อง เนื่องจากความกังวลต่อสถานการณ์อุปทานน้ำมันเบนซินและดีเซลคงคลังสหรัฐฯ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะราคาน้ำมันดิบเบรท์ปรับตัวลดลงเช่นกัน หลังมีการคาดการณ์ว่าปริมาณอุปทานน้ำมันดิบในบริเวณทะเลเหนือในเดือน ก.ย. 58 ที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 0.98 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งปรับเพิ่มจากเดือนก่อนหน้าราว 0.07 ล้านบาร์เรลต่อวัน ทั้งนี้ ปริมาณการผลิตที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นดังกล่าวส่งผลให้มีจำนวนการส่งออกน้ำมันดิบออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้นและทำให้ตลาดยิ่งทวีความกังวลต่อสถานการณ์อุปทานล้นตลาด
ปัจจัยที่น่าจับตามอง(บทวิเคราะห์จากไทยออยล์)
* ความกังวลต่อภาวะอุปทานส่วนเกินที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องยังคงสร้างแรงกดดันต่อราคาน้ำมันดิบ โดยกลุ่มโอเปกยังคงปริมาณการผลิตระดับสูง โดยปริมาณการผลิตที่ปรับเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากอิรักที่เพิ่มปริมาณการผลิตสูงมากขึ้น และซาอุดิอาระเบียที่ยังคงปริมาณการผลิตในระดับที่สูงเพื่อรักษาส่วนแบ่งการตลาดและตอบสนองต่อความต้องการในประเทศที่ปรับเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูร้อนของประเทศ ส่งผลให้โดยรวมแล้วปัจจุบันตลาดมีอุปทานน้ำมันดิบส่วนเกินทั้งสิ้นประมาณ 1.77 ล้านบาร์เรลต่อวัน
* บริษัทขุดเจาะและผลิตน้ำมันในอเมริกามีแนวโน้มที่จะคงปริมาณการผลิตน้ำมันดิบอยู่ในระดับสูง สะท้อนจากในเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา โดยรวมผู้ผลิตมีการเพิ่มการขุดเจาะทั้งสิ้น 33 แท่น โดยล่าสุดจากการเปิดเผยแผนของผู้ผลิต Shale รายหนึ่ง กล่าวว่าจะยังคงมีการเพิ่มการขุดเจาะประมาณ 2 แท่นต่อเดือนในครึ่งปีหลัง และประมาณ 8 แท่นในครึ่งปีหน้า แม้ว่าราคาน้ำมันดิบจะปรับลดลงก็ตาม
* จับตาทิศทางเศรษฐกิจจีนในช่วงครึ่งปีหลัง หลังการรายงานดัชนีภาคการผลิต (Caixin PMI) ในเดือน ก.ค. มีการปรับลดลงจค่อนข้างมาก โดยมาอยู่ที่ระดับ 47.8 ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำสุดในรอบ 2 ปี สาเหตุของการปรับลดลงเนื่องจากยอดคำสั่งซื้อสินค้าในกลุ่มส่งออกที่ปรับลดลง อย่างไรก็ดี ในภาคบริการยังคงมีการขยายตัวสวนทางกับภาคอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ยังคงต้องติดตามตลาดหุ้นจีนว่าจะมีแนวโน้มผันผวนและส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจหรือไม่
* ติดตามสถานการณ์ของกรีซ หลังล่าสุดนายกรัฐมนตรีกรีซ เปิดเผยว่า ใกล้ที่จะได้ข้อสรุปในการบรรลุข้อตกลงกับกลุ่มเจ้าหนี้ในเร็วนี้แล้ว ซึ่งการเจรจาล่าสุดอยู่ในช่วงสุดท้ายแล้ว โดยประเด็นที่ยังคงเห็นต่างกันคือการตั้งกองทุนใหม่สำหรับการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ และแผนการเพิ่มทุนของภาคธนาคาร โดยโฆษกของรัฐบาลกรีซคาดว่าจะได้ข้อสรุปในวันที่ 18 ส.ค. นี้ ซึ่งจะส่งผลให้กรีซไม่ต้องผิดชำระหนี้ในวันที่ 20 ส.ค.มูลค่ากว่า 3.2 พันล้านยูโร