+++น.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีกล่าวหานายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่การกระทรวงพาณิชย์ กับพวก รวม 31 ราย ในการซื้อขายมันสำปะหลัง (มันเส้น) ในรูปแบบสัญญาซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ว่า ในเร็วๆ นี้จะนัดประชุมคณะอนุกรรมการไต่สวนนัดแรก เพื่อเตรียมส่งคำสั่งการตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนผู้ถูกกล่าวหา เพื่อให้ใช้สิทธิในการคัดค้าน
+++หลังจากที่ศาลฎีกาพิพากษาจำคุกนายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ (นายกอบจ.สมุทรปราการ) เป็นเวลา 1 ปี 6 เดือน โดยไม่รอลงอาญา และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 4 ปี ในคดีทุจริตการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลนครสมุทรปราการเมื่อปี 2542 ทำให้ นายชนม์สวัสดิ์ต้องถูกควบคุมตัวเข้าเรือนจำทันที น.ส.สุภา ประธานคณะอนุกรรมการไต่สวน กล่าวถึง ความคืบหน้ากรณีการไต่สวนปัญหาการใช้จ่ายเงินอุดหนุนวัดขององค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สมุทรปราการ ในยุคของนายชนม์สวัสดิ์เป็นนายก อบจ.สมุทรปราการ ว่าใกล้จะเสร็จแล้ว กรณีนี้ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบพบว่าอบจ.สมุทรปราการให้เงินอุดหนุนกับวัดสูงขึ้นทุกปีอย่างผิดสังเกต และเงินที่ให้วัดไปไม่สามารถนำไปใช้ได้ตามวัตถุประสงค์
+++การสอบสวนพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ถูกดำเนินคดีในข้อหาพกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตที่ญี่ปุ่น พล.ต.ท. อำนวย นิ่มมะโน ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เปิดเผยว่า การสอบสวนคืบหน้าไปแล้วร้อยละ 85 ขณะนี้รอเพียงข้อมูลจากทางญี่ปุ่นและหากได้ข้อมูลดังกล่าวจะดำเนินการแล้วเสร็จภายใน 1 สัปดาห์ ทั้งนี้เบื้องต้นได้เตรียมแจ้งข้อหาไว้ทั้งหมด 3 ข้อหา ได้แก่ 1.ครอบครองอาวุธปืน 2.พกพาอาวุธปืน 3.ทำผิด พ.ร.บ.ท่าอากาศยาน ก่อนสรุปสำนวนส่งพนักงานอัยการเพื่อมีความเห็นต่อไป
+++ความคืบหน้าคดีนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง อายุ 50 ปี นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างหมื่นล้านบาท พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ให้รื้อฟื้นคดีขึ้นมาใหม่ เนื่องจากยังติดใจการเสียชีวิตในหลายประเด็น โดยเฉพาะความไม่ชอบมาพากลในการทำธุรกรรมการโอนหุ้นของนายชูวงษ์ โดยนายชูวงษ์มีเจตนาอย่างหนึ่ง แต่มีการทำธุรกรรมที่บิดเบือนไปอีกแบบหนึ่ง ผู้ที่เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องใช้กลอุบายฉ้อฉล หรือวิธีการที่ไม่ถูกต้องโอนหุ้นไปโดยไม่ถูกต้อง ส่วนประเด็นการโอนหุ้นที่ผิดปกตินำมาสู่การเสียชีวิตหรือเชื่อมโยงกับการเสียชีวิตหรือไม่ เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน และที่น่าผิดสังเกตคือ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. และบริษัทหลักทรัพย์ที่รับผิดชอบเรื่องหุ้น ไม่ให้ความร่วมมือกับตำรวจเท่าที่ควร อย่างไรก็ตาม เตรียมออกหมายจับผู้เกี่ยวข้อง ด้านครอบครัว นำเอกสารชันสูตรศพจากนิติเวช รพ.ตร. ให้แพทยสภาตรวจสอบอีกครั้ง
+++เรื่องเศรษฐกิจ นายสมเกียรติ ตรีรัตนพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ แถลง การปรับเป้าการส่งออก ส่วนภาคเอกชนมองติดลบร้อยละ 3-4 ที่กระทรวงพาณิชย์
+++ นายเมธี สุภาพงษ์ เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า กนง. มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 1.5 ต่อปี เนื่องจาก ประเมินว่า การดำเนินนโยบายการเงินช่วงที่ผ่านมา ผ่อนคลายภาวะการเงินเพิ่มเติมแล้ว ประกอบกับอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ในทิศทางที่เอื้อให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวขึ้น จึงเห็นควรให้คงดอกเบี้ยไว้ และเห็นว่านโยบายการเงินยังควรอยู่ในระดับที่ผ่อนปรนอย่างเพียงพอและต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม กนง. พร้อมใช้เครื่องมือเชิงนโยบายที่มีอยู่อย่างเหมาะสม เพื่อสนับสนุนให้เศรษฐกิจฟื้นตัว ควบคู่กับรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินในระยะยาว ทั้งนี้ ช่วงที่ผ่านมายอมรับว่าเงินบาทอ่อนค่าเร็ว แต่ยังเอื้อต่อการส่งออก กนง. ได้พิจารณาปรับเป้าหมายตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจหรือจีดีพี ลงจากปัจจุบันที่ร้อยละ 3 รวมทั้งปรับประมาณการเงินเฟ้อจากปัจจุบันที่คาดว่าติดลบร้อยละ 0.5 โดยจะแถลงอีกครั้งวันที่ 25 ก.ย. เนื่องจากเห็นว่าเศรษฐกิจไทยช่วงครึ่งปีหลังนี้ มีความเสี่ยงด้านต่ำเพิ่ม ทั้งจากเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจจีน และในภูมิภาคเอเชียที่ชะลอตัวลง ส่งผลกระทบต่อการส่งออก ขณะที่เศรษฐกิจไทยก็ยังมีความเสี่ยงจากปัญหาภัยแล้ง และการส่งออกที่ยังชะลอตัวเพิ่มขึ้นด้วย ส่วนหนี้ภาคครัวเรือนขณะนี้เริ่มทรงตัวแล้ว แต่ ธปท. ยังติดตามหนี้ เอ็นพีแอล และการปล่อยสินเชื่อของธนาคารด้วย
+++นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ประชุมคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ
+++หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ประชุมคณะกรรมการมาตรฐานอุตสาหกรรมแห่งชาติ (กอช.) ครั้งที่ 2/2558 หลังจากนั้น หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เป็นประธานการประชุมหารือร่วมกับสภาธุรกิจสหรัฐฯ-อาเซียน (US-ASEAN Business Council : USABC)
+++นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.คลัง เปิดเผยว่า ในวันที่ 20 ส.ค.นี้ รัฐบาลจะเปิดตัวกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) อย่างเป็นทางการ ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดรับสมัครสมาชิกคนแรกของ กอช. โดยผู้มีสิทธิสมัครเป็นสมาชิก กอช.จะต้องเป็นบุคคลสัญชาติไทยอายุไม่ต่ำกว่า 15 ปีแต่ไม่เกิน 60 ปี และจะต้องไม่เคยเป็นสมาชิกกองทุนที่ได้รับเงินสมทบจากรัฐหรือนายจ้างมาก่อน และไม่อยู่ในระบบบำเหน็จบำนาญด้วย เช่น ผู้ประกอบการอาชีพอิสระ ทั้งเกษตรกร รับจ้างทั่วไป คนขับรถแท็กซี่ แม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา เป็นต้น ลงทะเบียนกับสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ (แบงก์รัฐ) 3 แห่ง ได้แก่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารออมสิน และธนาคารกรุงไทย ซึ่งใช้หลักฐานเพียงบัตรประชาชนเท่านั้น คาดว่าภายในปีนี้ จะมีประชาชนและผู้สูงอายุเข้าเป็นสมาชิกกองทุนอย่างน้อย 600,000 คน และในปีหน้า จะมีอีก 1.5 ล้านคน และอีก 5 ปีข้างหน้า จะมีสมาชิกทั้งสิ้น 3 ล้านคน
+++นายสมพร จิตเป็นธม เลขาธิการ กอช.กล่าวว่า ผู้ที่จะสมัครเป็นสมาชิก กอช.ต้องเป็น กลุ่มที่มีอาชีพอิสระและไม่มีสวัสดิการอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการรับเงินกรณีชราภาพ คือต้องไม่อยู่ในกองทุนประกันสังคมและต้องไม่อยู่ในระบบบำเหน็จบำนาญภาครัฐหรือเอกชน แต่ถ้าเป็น กลุ่มสัจจะออมทรัพย์ รวมถึงคนชราที่ได้เบี้ยยังชีพสามารถเข้า กอช.ได้ โดยต้องมีสัญชาติไทย อายุไม่ต่ำกว่า 15 ปี สูงสุดไม่เกิน 60 ปี ทั้งนี้ในปีแรกที่ พ.ร.บ.บังคับใช้ ได้อนุญาตให้ผู้สมัครที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป และผู้ที่อายุเกิน 60 ปีแล้ว รวมทั้งข้าราชการและพนักงานเอกชนที่เกษียณอายุแล้ว หากสนใจก็สมัครเป็นสมาชิกได้ แต่ต้องออมเงินเป็นระยะเวลา 10 ปีจึงได้สิทธิรับบำนาญ โดยต้องส่งเงินสะสมไม่เกิน 13,200 บาทต่อปี และรัฐจะช่วยสมทบให้ไม่เกิน 1,200 บาทต่อปี โดยปีงบ 2558 รัฐมีเงินพร้อมที่จะจัดสรรเพื่อจ่ายสมทบแล้ว 683 ล้านบาท
+++นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ ลงนามในร่างกฎกระทรวงภายใต้ พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 เปิดช่องทางให้ชาวต่างชาติจากทุกประเทศ สามารถทำวีซ่าเพื่อเดินทางเข้า-ออกประเทศไทยได้หลายครั้งหรือมัลติเพิล วีซ่าในช่วงเวลา 6 เดือนโดยคิดค่าธรรมเนียม 5,000 บาท เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว ส่วนชาวต่างชาติที่ทำวีซ่าในการเข้า-ออกครั้งเดียว มีค่าธรรมเนียมอยู่ที่ 1,000 บาท ซึ่งจะมีผลหลังจากลงในราชกิจจานุเบกษา 60 วัน หรือในช่วงเดือน ต.ค.คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีน อินเดียและไต้หวัน เดินทางมาท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น การได้รับพิจารณาเบื้องต้นเพียง 6 เดือน ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีแล้ว และคิดว่ามีผลประโยชน์ในการส่งเสริมตลาดระยะใกล้ ที่ยกให้ไทยเป็นจุดหมายท่องเที่ยวช่วงสุดสัปดาห์ รวมถึงเป็นผลดีต่อการเดินทางของนักธุรกิจ นักลงทุนที่ต้องเดินทางเข้ามาในไทยบ่อย ๆ
+++สำหรับสถานการณ์นักท่องเที่ยวเดือน ม.ค.-ก.ค. มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 17.5 ล้านคน เติบโตร้อยละ 30.74 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นรายได้กว่า 8.13 แสนล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 30.61
+++วิศวกรรมสถานแห่งประเทศ ไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) มีสัมมนาเรื่อง การใช้ลิฟต์ รวมถึงบันไดเลื่อน ให้ได้ตามมาตรฐานเพื่อความปลอดภัย หลังมีภัยจากลิฟต์และบันไดเลื่อนเกิดขึ้นในไทย