คดีการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง หลังประชุมร่วมกับฝ่ายสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล กองปราบปรามและชุดสืบสวน สน.อุดมสุข เพื่อรวบรวมข้อมูล พลตำรวจเอก สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่าคดีนี้ ต้องแยกเป็น 2 ส่วน คือ ตำรวจนครบาลจะดูเรื่องอุบัติเหตุการเสียชีวิต กองปราบปราม ดูเรื่องการโอนหุ้น ซึ่งที่ประชุมวันนี้มีความเห็นตรงกันว่าให้ ชุดสืบสวน สน.อุดมสุข ไปสืบหาพยานหลักฐานเพิ่ม และจะยังไม่สรุปสำนวนของ สน.อุดมสุข
ด้านกองปราบปรามพบความผิดปกติเกี่ยวกับการโอนหุ้น ส่วนจะผิดอย่างไรยังไม่สามารถชี้แจงได้ เพราะอยู่ในสำนวน และอาจทำให้ผู้กระทำผิดหาทางหนีทีไล่ได้ โดยการโอนหุ้นมีการใช้กลอุบายฉ้อฉลโอนไปอย่างไม่ถูกต้อง เกี่ยวข้องกับเงินจำนวนทั้งหมด กว่า 300 ล้าน บาท แต่เจ้าหน้าที่ เชื่อว่าพยานหลักฐานที่มีจะสามารถออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องได้ในเร็ววันนี้
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ยังสรุปไม่ได้ว่า การตายของนายชูวงษ์ เกี่ยวกับการโอนหุ้นหรือไม่ ขอให้เห็นไปตามพยานหลักฐาน เพราะไม่สามารถใช้อารมณ์ในการตัดสินได้ สำหรับข้อมูลได้มาจากทั้ง สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ รวมถึงบริษัทโบรกเกอร์ที่รับผิดชอบ ซึ่งไม่ให้ความร่วมมือเท่าที่ควร เป็นสิ่งที่ผิดสังเกต จึงอยากให้หน่วยงานรัฐใช้กฎหมาย ดูแลบริษัทให้ร่วมมือเพื่อให้ได้หลักฐานที่ต้องการต่อไปไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไรตำรวจต้องชี้แจงต่อสังคมให้ได้ ยอมรับว่าตำรวจนครบาลมีข้อจำกัดมาก เพราะพยานเหลือน้อย ส่วนกองปราบปรามต้องว่าไปตามหลักฐานเอกสาร เราทำทุกอย่างตามพยานหลักฐานเพื่อตอบสังคม ไม่ใช่ให้ร้ายป้ายสีใคร
สำหรับคดีของนายสมยศ สุธางกูร เจ้าของพระราม 9 คาเฟ่ นั้น ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ย้ำว่า คดีไม่ได้เงียบแต่ได้ให้เวลาพนักงานสอบสวน เพราะมีความคลาดเคลื่อนในสำนวน จึงต้องตั้งต้นกันใหม่ และดูตามพยานหลักฐานที่มีอย่างรอบคอบ
พนิตา สืบสมุทร ข่าว-ภาพ