องค์การสหประชาชาติเตรียมเสนอชื่อประเทศไทยเข้าสู่กระบวนการรับรองการยุติการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีจากแม่สู่ลูกเป็นประเทศต้นๆ ของโลก ศ.นพ. รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ไทยพบการติดเชื้อเอชไอวีในหญิงตั้งครรภ์ตั้งแต่ปี 2531 จากนั้นจึงได้ดำเนินโครงการป้องกันยุติการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีจากแม่สู่ลูกเรื่อยมา จนกระทั้งปี 2557 พบว่าอัตราการติดเชื้อจากแม่สู่ลูกอยู่ที่ร้อยละ 2.1 จากเดิมคือ ร้อยละ 20-45 ซึ่งเป็นที่น่าพอใจมาก โดยองค์การสหประชาชาติจะมีการประเมินรับรองการยุติการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีจากแม่สู่ลูก 3 ส่วน ระบบการดำเนินงานด้านสาธารณสุขในการยุติถ่ายทอดเชื้อเอดชไอวีจากแม่สู่ลูก การตรวจทางห้องปฏิบัติ และด้านสิทธิมนุษยชน ซึ่งคาดว่าองค์การสหประชาชาติสามารถตรวจสอบข้อมูลในการประเมินทั้งหมดภายในสิ้นปีนี้
ในปีงบประมาณ 2558 จะมีการเพิ่มกลยุทธ์เชิงรุก จะต้องฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ที่ดูแล ติดตามหญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อให้ได้รับยาสูตร 3 ตัวที่มีประสิทธิภาพสูง เร็วที่สุด ไม่คำนึงถึงอายุครรภ์และระดับซีดีโฟว์ หรือ ดัชนีชี้วัดระดับเม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่ง ให้กินยาหลังคลอดต่อเนื่อง และตรวจเลือดทารกที่คลอดจากแม่ติดเชื้อโดยเร็วที่สุด พัฒนาศักยภาพศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ในการตรวจอย่างครบวงจร เริ่มให้ยาทารกที่ติดเชื้อตั้งแต่แรกเกิด มีระบบติดตามให้กินยาต่อเนื่องเป็นเครือข่ายทั่วประเทศ ให้เด็กกินนมผสมจนกระทั่งอายุ 18 เดือน นอกจากนี้จะมีการจัดงบประมาณซื้อนมผง 24 ล้านบาท และขยายความคุ้มครองสิทธิมนุษยชนหญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อ ส่วนแรงงานข้ามชาติได้ร่วมมือกับสภากาชาดไทย สนับสนุนค่ายา การตรวจทางห้องปฏิบัติการ เพิ่มการขายบัตรประกันสุขภาพ
สำหรับโอกาสที่ทารกจะได้รับเชื้อเอชไอวีจากแม่ มี 3 ช่วง คือ ขณะอยู่ในครรภ์แม่ เชื้อจะผ่านทางรกเข้าสู่ลูก ระหว่างการคลอดหรือ 1-2 สัปดาห์ก่อนคลอด ซึ่งเป็นสาเหตุร้อยละ 50-60 โดยเชื้อจะเข้าสู่ตัวลูกระหว่างมดลูกบีบรัดตัว ตอนเจ็บท้องคลอดหรือมีเลือดแม่ปนเปื้อนตะวเด็กขณะคลอด สุดท้ายคือ การให้นมลูก เป็นสาเหตุของการติดเชื้อร้อยละ 14 เนื่องจากเชื้อจะผ่านทางน้ำนมของแม่เข้าสู่ปากและทางเดินอาหารของลูก สถานการณ์โรคเอดส์ของไทย รายงานล่าสุดปี 2557 มีผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่ยังมีชีวิตประมาณ 446,154 คน และมีผู้ติดเชื้อได้รับการรักษาด้วยยาต้านไวรัสในระบบบริการสุขภาพ 258,183 คน ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 4,498 คน