เมืองไทยฯ(1):ไทยมอบเงินช่วยเหลือเมียนมาร์/คมนาคมเตรียมสรุปข้อตกลงรถไฟรางคู่/รัฐบาลหารือกกต.ทำประชามติ

04 สิงหาคม 2558, 07:24น.


จากเหตุอุทกภัยในเมียนมาร์ พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้ประสานกับเอกอัครราชทูตเมียนมาร์ประจำประเทศไทย เพื่อมอบเงินช่วยเหลือเป็นการเร่งด่วนทันทีจำนวน 5 ล้านบาท จะสามารถจัดส่งได้ในวันที่ 4 สิงหาคมนี้ ซึ่งในวันนี้ จะมีผู้แทนจากรัฐบาลเมียนมาร์หารือกับผู้แทนของทางการไทย 



ในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงมหาดไทย จะเสนอมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและผู้ยากจนที่ประสบปัญหาภัยแล้ง โดยใช้งบประมาณรวมกันกว่า 1 หมื่น 2 พัน 1 ร้อยล้านบาท



โดยโครงการของกระทรวงมหาดไทย ใช้งบกลางวงเงิน 6,520 ล้านบาท ใน 6,740 โครงการ คาดว่าจะมีเกษตรกรได้รับประโยชน์ 2 ล้าน 1 แสน 8 หมื่นครัวเรือน



ส่วนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยังมีรายงานความก้าวหน้าในการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกร ซึ่งโครงการที่สามารถดำเนินการได้ทันที คือ การรักษาที่ดินของเกษตรกรที่ติดหนี้นอกระบบ โดยให้เงินกองทุนหมุนเวียนเพื่อการกู้ยืมแก่เกษตรกรและผู้ยากจน (กชก.)  600 ล้านบาท เงินจากกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร 5,000 ล้านบาท ไปซื้อหนี้เกษตรกรและเข้ากระบวนการผ่อนชำระกับกองทุนฟื้นฟูฯ



นอกจากนี้ นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 6 มาตรการรวมถึงการช่วยเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเช่นกัน



พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม เปิดเผยว่าในระหว่างวันที่ 6-8 สิงหาคมนี้ จะไปเมืองเฉิงตู ประเทศจีน เพื่อหารือข้อตกลงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ไทย-จีน ที่คาดว่าจะทำข้อตกลงรวมกันได้วันที่ 29 สิงหาคมนี้ และเมื่อสัญญาเสร็จจะเริ่มก่อสร้างช่วงที่ 1 และ 3 ก่อน คือ ช่วงที่ 1 กรุงเทพฯ-แก่งคอย และช่วงที่ 3 แก่งคอย-นครราชสีมา



นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวถึงการเรียกร้องให้ปฏิรูปประเทศก่อนการเลือกตั้งว่า การดำเนินการทุกอย่างต้องปฏิบัติตามโรดแมพ หากรัฐธรรมนูญกำหนดไว้อย่างไรต้องเป็นไปตามนั้น ตามที่นายกรัฐมนตรีบอกไปหากมีการทำประชามติผ่านแล้วก็ต้องเป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด จะทำอย่างอื่นไม่ได้



ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลมีจุดยืนของตัวเอง ซึ่งจะค่อยๆ ประกาศออกไป อย่างไรก็ตาม เห็นว่า การแสดงความคิดเห็นดีกว่าอยู่นิ่งๆ ทั้งนี้ หากสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) รับร่างรัฐธรรมนูญในเดือนกันยายนนี้ และผ่านประชามติในเดือนมกราคม 2559 จากนั้นจะใช้เวลา 2 เดือน ให้ กมธ.ยกร่างฯ ร่างกฎหมายลูก แล้วส่งให้ สนช.พิจารณาอีก 3 เดือน จากนั้นส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญโดยใช้เวลา 1 เดือน และจัดการเลือกตั้งภายใน 3 เดือน หรือ 90 วัน แสดงว่าในเดือนกันยายน2559 จะมีการเลือกตั้ง แต่ถ้ามีการคว่ำร่างรัฐธรรมนูญจะมีการตั้งกรรมการร่างรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่ และต้องร่างให้เสร็จภายใน 6 เดือน แล้วใช้เวลาในการลงประชามติ 4 เดือน และจากนั้นก็อยู่ที่ขั้นตอนการทำกฎหมายลูก ก่อนจะส่งให้ สนช. ซึ่งใช้เวลาอีก 9 เดือน จึงจะมีการเลือกตั้ง



ขณะเดียวกันจะหารือกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เกี่ยวกับการทำประชามติต่อไป



ศาลปกครองกลางไม่รับฟ้องคดีที่นายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ยื่นฟ้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้า คสช. เป็นผู้ถูกฟ้อง เรื่องกระทำการโดยมิชอบด้วยกฎหมาย จากกรณีที่มีการออกประกาศ คสช. ห้ามบุคคลที่มีชื่อ 155 คนเดินทางออกนอกราชอาณาจักรเว้นแต่จะได้รับอนุญาต ซึ่งนายวัฒนาเป็น 1 ใน 155 รายชื่อนี้ แต่ศาลฯ เห็นว่าเป็นการประกาศตามอำนาจของ คสช. ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 ศาลฯ จึงไม่อาจรับคำฟ้องไว้พิจารณาได้ และให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ อย่างไรก็ตาม ทนายความของนายวัฒนา เตรียมยื่นอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฟ้องนี้ต่อศาลปกครองสูงสุดต่อไป



ส่วนที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) ครั้งที่ 1/2558 มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. เป็นประธาน โดยมีวาระการแต่งตั้งบุคคล และปรับปรุงแก้ไขระเบียบคณะกรรมการกองทุนการบริหารกองทุนเพื่อการสืบสวนและสอบสวนคดีอาญา ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินกองทุนเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจในการทำหน้าที่เกี่ยวกับการสืบสวนและสอบสวนคดีอาญา แต่ไม่ได้บรรจุวาระการกำหนดตำแหน่งเพื่อเยียวยาให้ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ตามคำสั่งศาลปกครอง ที่คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) มีมติเห็นชอบและเสนอต่อที่ประชุม ก.ต.ช. เนื่องจากศาลยังไม่อาจรับรองคดีถึงที่สุดได้



ด้านพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณี พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ อดีตอธิบดีกรมตำรวจ (อ.ตร.) เสนอความเห็นการแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ ควรพิจารณาจากผู้ที่มีความอาวุโสสูงสุด แต่พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า จะใช้ดุลพินิจส่วนตัวในการพิจารณา เพราะถ้าหากฟังความคิดเห็นของทุกคน ทุกฝ่าย จะทำให้ลังเล โดยในเวลานี้ จะพิจารณาจากรายงานวิสัยทัศน์ของรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ทั้ง 5 คนก่อน และเชื่อว่าจะเสนอรายชื่อ ต่อ กตช. ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ได้ก่อนวันที่ 20 สิงหาคมนี้



ด้านนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ พ.ศ....) ที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอเข้ามา ซึ่งจะเป็นทางเลือกให้กับผู้ต้องหาที่อยู่ระหว่างการสอบสวน หรือจำเลยที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล ที่ต้องถูกคุมขังและขออนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว โดยศาลจะมีการกำหนดวงเงินประกันตัว และให้ติดตั้งเครื่องติดตามตัวอิเล็กทรอนิกส์กับบุคคลนั้นๆ โดยต้องอยู่ในพื้นที่ที่ศาลกำหนด ซึ่งหากรับข้อเสนอก็จะทำให้วงเงินในการประกันตัวลดน้อยลง หรืออาจจะไม่ต้องเสียเงินประกันเลย โดยวิปรัฐบาลจะส่งกฎหมายเข้าสู่ที่ประชุมของ สนช. ภายในวันที่ 6 สิงหาคมนี้



***

ข่าวทั้งหมด

X