ตามที่ พายุไซโคลนโกเมน อ่อนกำลังลงเมื่อเคลื่อนตัวผ่านจิตตะกอง ของบังกลาเทศ มุ่งหน้าตะวันตกเฉียงเหนือของเมียนมาร์ ทำให้เกิดฝนตกหนัก และมีพายุที่มีความเร็วลมกว่า 128 กม/ชั่วโมง ซึ่งเมื่อวันศุกร์ ประธานาธิบดีเต็งเส่งผู้นำเมียนมาร์ประกาศให้บางพื้นที่เป็นพื้นที่ภัยพิบัติ และประกาศภาวะฉุกเฉิน 4 พื้นที่ หลังน้ำท่วมหนัก รัฐยะไข่ รัฐคะฉิ่น เขตมะกวย เขตสะกาย รัฐชิน รัฐยะไข่ รวมทั้งภาคสะกาย ภาคมะกเว เป็นพื้นที่ได้รับผลกระทบหนักจากน้ำท่วม และเผชิญความยากลำบากที่จะฟื้นฟูเข้าสู่สภาพปกติ และให้คณะกรรมการรับมือภัยพิบัติแห่งชาติ อพยพและโยกย้ายประชากรในภาคอิระวดี ภาคพะโค รวมถึงรัฐมอญ และรัฐกะเหรี่ยง ออกจากพื้นที่เสี่ยงภัย กับฝนที่ตกหนักในช่วงที่ผ่านมา ทำให้เกิดน้ำท่วมและดินถล่มหลายพื้นที่ โดยเหตุดินถล่มที่เมืองฮากา เมืองหลวงของรัฐชิน ทำให้บ้านเรือนได้รับความเสียหายและปิดกั้นถนน โดยทั้งประเทศ มีผู้ได้รับความเดือดร้อน 110,000 คน และเสียชีวิตกว่า 30 ราย
ด้านกรมอุตุนิยมวิทยาของเมียนมาร์ รายงานว่า ระดับน้ำในแม่น้ำสายหลักได้แก่ อิระวดี ชินด์วิน สาละวิน สะโตง และงาหวุ่น เพิ่มสูงขึ้น และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นจากระดับวิกฤตใน 3 วัน โดยแม่น้ำอิระวดี ช่วงที่ไหลผ่านภาคอิระวดีที่อำเภอฮิงทาดา ระดับน้ำได้สูงกว่าระดับวิกฤต 10 เซนติเมตร และช่วงที่ไหลผ่านเมืองสะกายระดับน้ำยังต่ำกว่าระดับวิกฤต 71 เซนติเมตร
ขณะที่แม่น้ำชินด์วินที่เมืองกะเลวะ ระดับน้ำสูงกว่าจุดวิกฤตมาแล้ว 143 เซนติเมตร ส่วนแม่น้ำสาละวินที่เมืองผาอัน เมืองหลวงของรัฐกะเหรี่ยง ระดับน้ำได้เลยจุดวิกฤตมาแล้ว เช่นเดียวกับที่แม่น้ำสะโตงที่ระดับน้ำล้นจุดเฝ้าระวังมาแล้ว 115 เซนติเมตร และแม่น้ำงาหวุ่นที่ระดับน้ำล้นจุดเฝ้าระวังมาแล้ว 57 เซนติเมตร
นอกจากนี้ยังเตือนว่าจากอิทธิพลของไซโคลนโกเมน จะทำให้มีฝนตกหนักที่ภาคมะกเว ภาคสะกาย, ภาคพะโค, ภาคตะนาวศรี และภาคย่างกุ้ง รวมทั้งรัฐยะไข่ รัฐชิน
ด้านกระทรวงเกษตรและชลประทาน ระบุว่า พื้นที่เกษตรกรรมทั่วประเทศได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม 1 ล้าน 3 แสน 2 หมื่นไร่ จากจำนวน 3 แสน 8 พันไร่ที่กำลังอยู่ในระหว่างการฟื้นฟูและเตรียมเพาะปลูกในเร็วๆ นี้
..
(ภาพจากสำนักข่าวไต)