*พรุ่งนี้ พรบ.อุ้มบุญฯ เริ่มใช้ /ชี้ช่องคู่เกย์จ้างอุ้มบุญมีโอกาสชนะ *

29 กรกฎาคม 2558, 13:47น.


ปัญหาการอุ้มบุญ กรณีน้องคาร์เมน  นางระรินทร์ทิพย์ ศิโรรัตน์ อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดเผยว่า กรณีนี้ หากมีการฟ้องร้องต่อศาลคุ้มครองเด็กและเยาวชน สามารถใช้ พรบ. ฉบับนี้ในมาตรา 56 ในการต่อสู้คดีได้ เนื่องจากเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนที่จะมีการประกาศใช้ พรบ. ฉบับนี้ โดยศาลจะพิจารณาจากผลประโยชน์ที่เด็กจะได้รับ ความสามารถในการเลี้ยงดูเด็ก สภาพความเป็นอยู่ รวมทั้งความบริสุทธิ์ใจของคู่ชายรักชายที่จะเลี้ยงดูเด็ก ทั้งนี้คู่ชายรักชายชาวอเมริกัน อาจมีสิทธิที่จะชนะคดีได้



ขณะเดียวกัน ในวันพรุ่งนี้ พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กที่เกิดขึ้นโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ. 2558 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ ศ.นพ. รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า พรบ. ฉบับนี้ออกโดยกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยพรบ. ฉบับนี้จะเป็นการช่วยคู่สามีภรรยาที่จดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมายและมีบุตรยาก ให้มีบุตรได้โดยใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ที่เหมาะสมเข้ามาช่วย และควบคุมป้องกันไม่ให้มีการนำไปใช้ประโยชน์ในทางที่ผิด ก่อให้เกิดปัญหาทางศีลธรรมและมนุษยธรรม ทั้งการรับจ้างตั้งครรภ์ การค้ามนุษย์ และการทอดทิ้งเด็ก โดยสาระสำคัญคือคู่สามีภรรยาต้องมีการจดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย หากคู่สามีภรรยาไม่มีพี่น้องต้องทำเรื่องให้คณะกรรมการคุ้มครองเด็กที่เกิดขึ้นโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ หรือ กคทพ. พิจารณา



ส่วนกรณีที่เป็นคนไทยสมรสกับชาวต่างชาติต้องจดทะเบียนไม่น้อยกว่า 3 ปี ห้ามสามีภรรยาที่ดำเนินการอุ้มบุญปฏิเสธการรับเด็กเป็นบุตร ห้ามตั้งครรภ์แทนเพื่อประโยชน์ทางการค้า ห้ามเป็นนายหน้า จัดการชี้ช่องให้มีการตั้งครรภ์แทน ห้ามโฆษณา ห้ามซื้อขาย นำเข้าส่งออก ไข่และอสุจิ หรือตัวอ่อน หากมีการกระทำผิด ในกรณีที่เป็นแพทย์ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากมีการรับจ้างอุ้มบุญ จำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ กรณีเป็นนายหน้า จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากเป็นกรณีซื้อขายอสุจิหรือไข่ คุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ



น.ต.นพ. บุญเรือง ไตรเรืองวรรัตน์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า พรบ. ฉบับนี้มี 6 หมวด 56 มาตรา ซึ่งการปฏิบัติตามกฎหมายจะต้องดำเนินการภายใต้คณะกรรมการคุ้มครองเด็กที่เกิดขึ้นโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ หรือ กคทพ. ซึ่งมี ปลัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธาน และมีนายกแพทยสภาเป็นรองประธาน ทำหน้าที่เสนอนโยบาย ออกประกาศ พัฒนาและแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ และพิจารณาอนุญาตให้มีการตั้งครรภ์แทน และใช้ตัวอ่อนที่เหลือใช้เพื่อการศึกษาวิจัย รวมถึงควบคุมกำกับให้เป็นไปตามกฎหมาย อีกทั้งควบคุมกำกับให้เป็นไปตามกฎหมาย รับรองกฎหมายลูกที่เกี่ยวข้อง 14 ฉบับ ซึ่งขณะนี้ยกร่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว เพื่อบังคับใช้ในทางปฏิบัติเดียวกันทั่วประเทศ โดยมีสถานพยาบาลรัฐ เอกชน พร้อมให้บริการแล้วกว่า 60 แห่งทั่วประเทศ

ข่าวทั้งหมด

X