*ทันสถานการณ์โลก 06.30 น.
+++โฆษกผู้แทนจีนประจำสหประชาชาติ (UN) ที่กรุงเจนีวา แถลงในวันนี้ว่า การที่ไทยส่งตัวชาวอุยกูร์ ซึ่งถือเป็นผู้ที่ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายกลับสู่จีน ตามข้อตกลงระหว่างประเทศทั้ง 2 และสอดคล้องกับสนธิสัญญาทวิภาคี และข้อตกลงระหว่างประเทศนั้น นับเป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมาย และสมเหตุสมผล หลังทั้งจีนและไทยได้ตรวจพบมาระยะหนึ่งแล้วว่ามีชนกลุ่มน้อยของจีนที่ได้เดินทางไปยังประเทศไทยผ่านทางช่องทางต่างๆ และได้พำนักโดยผิดกฎหมาย สถานทูตจีนยังระบุว่า จีนขอคัดค้านอย่างรุนแรงต่อการกล่าวหาที่ไม่มีมูลความจริง และการแสวงประโยชน์ทางการเมืองจากประเด็นดังกล่าว
+++กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯชี้แจงผ่านเว็บไซต์สถานทูตกรณีที่ไทย ยังคงถูกจัดอันดับใน "เทียร์3" ของรายงานสถานการณ์ค้ามนุษย์ (Trafficking in Persons หรือ TIP) ของสหรัฐฯ ปี 2015 ที่เผยแพร่ในวันจันทร์ ไม่ครอบคลุมถึงช่วงเวลาที่กรุงเทพฯยกระดับความพยายามในการปราบปรามการค้ามนุษย์ พร้อมย้ำการจัดอันดับไม่มีประเด็นทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯชี้แจงผ่านสถานทูตอเมริกาประจำกรุงเทพฯว่ารายงาน TIP ประจำปี 2015 ครอบคลุมความพยายามต่อต้านการค้ามนุษย์ของรัฐบาลชาติต่างๆระหว่างวันที่ 1 เมษายน 2014 จนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2015 เท่านั้น
+++คำแถลงชื่นชมไทยด่วยว่า นับตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคมเป็นต้นมา ทางรัฐบาลไทยได้ยกระดับความพยายามในการปราบปรามการค้ามนุษย์ ซึ่งรวมถึงความพยายามในการสร้างหน่วยงานพิเศษภายใต้การกำกับดูแลของศาลอาญาเพื่อพิจารณาคดีค้ามนุษย์และจับกุมบุคคลจำนวนมากที่อาจมีส่วนร่วมก่ออาชญากรรมการค้ามนุษย์และละเมิดสิทธิมนุษยชนอื่นๆ กับแรงงานข้ามชาติในภาคใต้ของไทย และบอกว่ารายงานของปีหน้าจะครอบคลุมการดำเนินการหลังวันที่ 31 มีนาคม
http://bangkok.usembassy.gov/tip2015statements.html#thai
+++เจ้าหน้าที่จากกระทรวงการคลังของกรีซเปิดเผยในวันนี้ว่า หัวหน้าคณะเจรจาจากสหภาพยุโรป (EU) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) จะเดินทางมาถึงกรุงเอเธนส์ในวันนี้เพื่อเจรจาในรายละเอียดข้อตกลงให้ความช่วยเหลือทางการเงินฉบับที่ 3 สำหรับกรีซการเจรจาในแง่เทคนิคได้เริ่มต้นขึ้นแล้วตั้งแต่เมื่อวันจันทร์ หลังจากถูกเลื่อนออกไปจากกำหนดเดิมในวันศุกร์ที่แล้ว หลังมีข่าวว่ากลุ่มทรอยก้า ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ของกรีซที่ประกอบด้วยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) มีความวิตกเกี่ยวกับความปลอดภัย นอกจากกลุ่มทรอยก้าเข้าร่วมแล้ว ทางกองทุนเสถียรภาพยุโรป (ESM) ก็ส่งตัวแทนเข้าร่วมเช่นกัน คาดว่าการเจรจาดังกล่าวจะได้ข้อสรุปในวันศุกร์นี้ แต่ก็อาจมีการหารือเพิ่มเติมในช่วงสุดสัปดาห์นี้
++++การเจรจาในครั้งนี้มีขึ้น หลังจากที่ในสัปดาห์ที่แล้ว รัฐสภากรีซได้ให้การอนุมัติต่อมาตรการปฏิรูปเศรษฐกิจ 2 ฉบับเกี่ยวกับการปฏิรูประบบการจัดเก็บภาษี, เงินบำเหน็จบำนาญ, การธนาคาร และกระบวนการยุติธรรม การเจรจาดังกล่าวจะปูทางให้กรีซได้รับเงินช่วยเหลือวงเงิน 8.6 หมื่นล้านยูโรเป็นเวลา 3 ปี ผลเจรจาครั้งนี้ อาจทำให้ ตลาดหุ้นกรีซกลับมาเปิดทำการได้อีกครั้ง หลังปิดการซื้อขายนับตั้งแต่วันที่ 29 มิ.ย. เมื่อประชาชนแห่ถอนเงินฝากในธนาคารจากการที่รัฐบาลออกมาตรการควบคุมเงินทุน คณะกรรมการกำกับตลาดหลักทรัพย์ของกรีซได้ยื่นแผนขอเปิดตลาดหุ้นต่อ ECB ซึ่งมีข้อเสนอ 2 ข้อ คือการเปิดตลาดโดยไม่มีการตั้งข้อจำกัดใดๆต่อการซื้อขาย และการตั้งข้อจำกัดต่อการซื้อขายเพื่อป้องกันเม็ดเงินที่จะไหลออกจากภาคธนาคาร
+++ราคาน้ำมันโลกในตลาดสหรัฐฯปรับตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 5 วัน น้ำมันดิบเวสต์เทกซัส หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 59 เซนต์ ปิดที่ 47.98 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 17 เซนต์ ปิดที่ 53.30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขยับลงเป็นวันที่ 6 ติดต่อกัน นักวิเคราะห์คาดหมายว่ารายงานสต๊อกเชื้อเพลิงสำรองของกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ ซึ่งมีกำหนดเผยแพร่ในวันพุธ(29ก.ค.) จะเพิ่มขึ้น 700,000 บาร์เรล บ่งชี้ถึงแนวโน้มอุปสงค์ที่ยังอ่อนแอ ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อวันอังคาร(28ก.ค.) ขยับขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 6 วัน จากรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งอขงยูพีเอสและการดีดขึ้นของหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับภาคปิโตรเลียม หลังราคาน้ำมันตลาดอเมริกาฟื้นตัว ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 189.68 จุด (1.09 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17,630.27 จุด ผลประกอบการไตรมาส ของเอ็กซอนโมบิล เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.1 อปาเช ผู้ผลิตน้ำมันและก๊าซรายใหญ่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.4 และ "โคโนโค่ฟิลลิปส์" บริษัทน้ำมันของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.1 หลังราคาน้ำมันกลับมาทรงตัวอีกครั้ง
ส่วนราคาทองคำเมื่อวันอังคาร(28ก.ค.) ปิดลบเล็กน้อย นักลงทุนรอผลสรุปที่ประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ที่จะให้เงื่อนงำต่อแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ยของเฟด โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 20 เซนต์ ปิดที่ 1,096.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์
+++ศาลของลิเบียได้ตัดสินประหารชีวิตนายซาอิฟ อัลอิสลาม ลูกชายของพ.อ.มูอัมมาร์ กัดดาฟี อดีตผู้นำลิเบีย พร้อมพวกอีก 8 คนในข้อหาอาชญากรรมสงครามที่เกี่ยวข้องกับเหตุประท้วงขับไล่รัฐบาลเมื่อปี 2554 หลังถูกไต่สวนพร้อมกับคนอื่นๆอีกหลายสิบคนที่ใกล้ชิดกับรัฐบาลของพ.อ.กัดดาฟี ถูกกล่าวหาว่าใช้กำลังเข้าปราบปรามประชาชนระหว่างการประท้วง
สำหรับการอ่านคำตัดสินในวันนี้ นายซาอิฟ ไม่ได้เข้าไปรับฟังด้วยตนเอง แต่เขาได้แสดงหลักฐานเพื่อสู้คดีผ่านระบบวีดีโอลิ๊งค์ โดยในขณะนี้เขายังถูกควบคุมตัวโดยอดีตกบฏกลุ่มหนึ่งจากเมืองซินตัน ซึ่งปฏิเสธที่จะปล่อยตัวเขาให้เป็นอิสระ สำหรับคนอื่นๆที่ต้องโทษประหารรวมถึงนายอับดัลลาห์ อัลเซนูซี อดีตหัวหน้าหน่วยข่าวกรองและนายแบกห์ดาดี อัลมาห์มูดี อดีตนายกรัฐมนตรี ส่วนจำเลยคนอื่นๆถูกตัดสินจำคุกระหว่าง 5 ปีถึงจำคุกตลอดชีวิต แต่จำเลยทั้งหมดยังมีสิทธิ์จะสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ต่อไป
+++บีบีซี รายงานว่า คณะผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี นักวิทยาศาสตร์ และนักวิจัยกว่า 1,000 คนได้เขียนจดหมายฉบับหนึ่งถึงที่ประชุมนานาชาติว่าด้วยเรื่องปัญญาประดิษฐ์ในกรุงบัวโนสไอเรสของอาร์เจนตินา เตือนเรื่องอันตรายจากอาวุธอัตโนมัติ โดยเฉพาะหุ่นยนต์สังหาร ระบุว่าการแข่งขันผลิตอาวุธแบบปัญญาประดิษฐ์เพื่อใช้ในทางทหารเป็นแนวความคิดที่เป็นอันตรายต่อการอยู่รอดของมนุษยชาติในอนาคต ระบุว่า มนุษย์ ซึ่งมีวิวัฒนาการด้านชีววิทยาที่เชื่องช้าอาจจะไม่สามารถแข่งกับปัญญาประดิษฐ์เช่นหุ่นยนต์ และอาจจะต้องเป็นฝ่ายแพ้หุ่นยนต์
+++สำหรับผู้ร่วมลงชื่อในจดหมาย รวมถึงศาสตราจารย์สตีเฟน ฮอว์คิง นักฟิสิกส์ นายอีลอน มัสก์ ผู้ประกอบการ นายสตีฟ วอสเนียก ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทแอปเปิล ศาสตราจารย์โนม ชัมสกีจากมหาวิทยาลัยเอ็มไอที และนายเดมิส ฮัสซาบิส หัวหน้าแผนกปัญญาประดิษฐ์ของบริษัทกูเกิล สำหรับเรื่องหุ่นยนต์สังหารขณะนี้เป็นหัวข้อมีการอภิปรายอย่างกว้างขวางในที่ประชุมนั้นและเป็นหัวข้อที่เพิ่งจะมีการหารือเมื่อไม่นานมานี้โดยคณะกรรมการชุดหนึ่งของสหประชาชาติ(ยูเอ็น)และอยู่ระหว่างพิจารณาห้ามผลิตอาวุธอัตโนมัติบางประเภท ด้านคณะผู้เชี่ยวชาญเห็นพ้องว่าควรจะมีการห้ามการผลิตเฉพาะอาวุธปัญญาประดิษฐ์บางประเภท เพื่อให้แน่ใจว่าอาวุธเหล่านั้นจะไม่ทำเกินคำสั่งในทางสร้างสรรค์ของมนุษย์
+++นายจอห์น ซีเวล สมาชิกวุฒิสภาวัย 69 ปีได้ยื่นใบลาออกจากตำแหน่งแล้ว พร้อมทั้งขอโทษที่สร้างความเสื่อมเสียชื่อเสียงและความอับอายให้กับรัฐสภา หลังปรากฏคลิปวีดีโอที่แสดงให้เห็นว่าเขาเสพยาเสพติดร่วมกับหญิงบริการทางเพศกลุ่มหนึ่ง ภาพดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าเขาสูดดมผงโคเคนจากหน้าอกของหญิงคนหนึ่ง ในสภาพที่ตัวเขาเองสวมใส่เสื้อยกทรงสีส้มด้วย ด้านบารอนเนส ดี'ซูซา ประธานวุฒิสภาระบุในแถลงการณ์ว่าพฤติกรรมของนายซีเวลตามที่ปรากฏเป็นข่าว เป็นเรื่องที่น่าตกใจและรับไม่ได้ เพิ่มเติมว่าเขาได้ลาออกแล้วและทางวุฒิสภาได้ส่งหลักฐานให้ตำรวจเพื่อทำการสอบสวนและดำเนินคดีต่อไป