*(รอบวัน2):พณ.ตรวจโกดังข้าวเป็นฝุ่นผง/สปช.ลงมติร่างรัฐธรรมนูญ 5-7 ก.ย.*

22 กรกฎาคม 2558, 09:01น.


+++การเปิดประมูลข้าวสารสตอกรัฐบาลในส่วนของข้าวเสียเป็นฝุ่นผง พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า หากผลการตรวจเชื้อราข้าวออกมาว่ามีเชื้อราจริง ข้าวดังกล่าวก็ไม่ควรนำกลับมาบริโภคทั้งในคนและสัตว์ ซึ่งจะต้องนำไปทำเอทานอลและชีวมวล จึงต้องกำหนดประเภทให้ชัดเจน วันนี้ผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ลงตรวจสอบโกดังข้าวที่เป็นฝุ่นผง เพื่อให้ทราบข้อเท็จจริงว่าข้าวดังกล่าวเสียหายมากจนเป็นฝุ่นไม่สามารถนำมาทำอะไรได้อีกแล้วจะได้เข้าใจตรงกัน ส่วนแนวโน้มราคาข้าวเปลือก พบว่าราคากำลังขยับตัวสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลกระทบจากปัญหาภัยแล้ง ทำให้ผลผลิตลดน้อยลง โดยราคาข้าวเปลือกจะถึง 10,000 บาทต่อตันหรือไม่ กำลังติดตามดู พร้อมสั่งการให้หน่วยงานของกระทรวงฯ หารือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งผู้ส่งออกข้าวและโรงสี เพื่อช่วยกันผลักดันราคาข้าวให้สูงขึ้นและไม่ให้เกิดการกดราคาซึ่งกันและกัน.



+++ร้อยตำรวจโทเจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย มองว่า การส่งออกข้าวครึ่งปีหลังน่าจะส่งออกได้ดีกว่าครึ่งแรกของปี หรือส่งออกได้ถึงเดือนละ 8 แสนตัน เพราะตลาดยังมีความต้องการข้าวต่อเนื่อง ขณะที่ปัญหาภัยแล้ง ส่งผลให้ผลผลิตข้าวลดลงร้อยละ 15-20  หรือหายไป กว่า 2-3 ล้านตันข้าวสาร แต่ถือเป็นโอกาสที่ดี ที่ไทยจะระบายข้าวในสตอกรัฐบาล เพื่อลดแรงกดดันด้านราคาข้าวเปลือกของไทย และทำให้ราคาข้าวจะมีแนวโน้มสูงขึ้นได้ โดยราคาข้าวขาว 5% ราคาอยู่ที่ 395 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่อาจมีผลต่อการส่งออกข้าวของไทย คือภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังฟื้นตัวไม่ชัดเจน อาจกระทบให้ประเทศผู้ซื้อชะลอการนำเข้าข้าวจากไทย เสนอให้ภาครัฐบริหารจัดการเร่งระบายสตอกเก่าและเร่งทำตลาดข้าวไทยในตลาดโลก 



+++ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดการซื้อขายในแดนลบ ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 181.12 จุด ปิดที่ 17,919.29 จุด ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 9.07 จุด ปิดที่ 2,119.21 จุด ขณะที่ดัชนีแนสแด็กลดลง 10.74 จุด ปิดที่ 5,208.12 จุด ตลาดหุ้นนิวยอร์กสหรัฐฯ ปิดร่วงลงเนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไร หลังจากตลาดปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งในช่วงก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะดัชนีแนสแด็ก ที่ทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ดัชนีดาวโจนส์อยู่ในแดนลบตลอดทั้งวัน หลังจากบริษัทผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ ไอเอ็มบี เปิดเผยว่ามีรายได้ลดลงเป็นไตรมาสที่ 13 ติดต่อกัน จนหุ้นร่วงร้อยละ 5.9 ขณะที่บริษัท ยูไนเต็ด เทคโนโลยี ประกาศตัดลดตัวเลขคาดการรายได้ เนื่องจากการเติบโตที่อ่อนแอของจีน และยอดขายชิ้นส่วนเครื่องบินลดลง ส่งผลให้หุ้นตกร้อยละ 7.0 



+++ราคาน้ำมันโลกฟื้นตัวเล็กน้อย ก่อนหน้าสหรัฐฯเผยแพร่ข้อมูลสต๊อกเชื้อเพลิงสำรอง น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 21 เซนต์ ปิดที่ 50.36 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากก่อนหน้านี้ปิดลบมา 4 วันติด ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอนงวดส่งมอบเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 39 เซนต์ ปิดที่ 57.04 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล



+++ส่วนราคาทองคำ  ปิดลบเป็นวันที่ 9 ติดต่อกัน และยังแกว่งตัวในระดับต่ำสุดรอบ 5 ปีกว่า ท่ามกลางความคาดหมายว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ และไม่มีปัจจัยใหม่ๆมาดึงดูดนักลงทุนให้ความสนใจในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 3.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,103.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์



+++บ่ายนี้ สมาคมบริษัทจัดการลงทุน ร่วมกับสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย จัดเสวนา Thai Fight 1 "ฝ่ามรสุมรุมเร้า...จะเก็งกำไร หรือลงทุนยาว" ที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้องฟังกูรูแนะนำว่าควรทำอย่างไรในช่วงหุ้นขาลง



+++นายมาซายาสุ โฮซูมิ ประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO) กรุงเทพฯ เยี่ยมคารวะรองนายกฯด้านเศรษฐกิจ เพื่อแจ้งผลสำรวจแนวโน้มทางเศรษฐกิจของบริษัทร่วมทุนญี่ปุ่นในไทย



+++พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช ที่ปรึกษาและโฆษก กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ  เปิดเผยว่า ที่ประชุมกมธ.ยกร่างฯมีมติเอกฉันท์ให้ขยายระยะเวลาการทำงานออกไปอีก 30 วันนับแต่วันที่ครบกำหนด เท่ากับว่าจะครบกำหนดในการส่งร่างรัฐธรรมนูญให้ สปช.ได้พิจารณาในวันที่ 22 สิงหาคม ขั้นตอนต่อจากนี้ประธาน กมธ.ยกร่างฯจะแจ้งมติให้ทาง สปช.ได้รับทราบ สาเหตุที่กมธ.ยกร่างฯขอขยายเวลาการทำงานออกไปอีก 30 วัน เนื่องจากจำเป็นต้องพิจารณาคำขอแก้ไขเพิ่มเติมของสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และครม.ที่เสนอเข้ามาเป็นจำนวนมาก บางคำขอปรับแก้ไขจนส่งผลกระทบต่อโครงสร้างร่างรัฐธรรมนูญ จึงจำเป็นต้องขอขยายเวลาการทำงานออกไปอีก 30 วัน เพื่อให้ร่างรัฐธรรมนูญออกมาสมบูรณ์และดีที่สุด และช่วง 30 วันที่ขอขยายเวลาออกไป กมธ.ยกร่างฯสามารถปรับแก้เนื้อหาในส่วนที่ กมธ.ยกร่างฯเคยมีความเห็นชอบร่วมกันไปแล้วได้ แต่ที่ประชุมต้องมีความเห็นร่วมกันก่อน ขณะเดียวกันกมธ.ยกร่างฯจะเชิญตัวแทนจาก สปช.และ ครม.ในฐานะผู้เสนอคำขอแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญมารับฟังเหตุผลของ กมธ.ยกร่างฯที่ได้แก้ไขเนื้อหาทั้งหมดระหว่างวันที่ 17-19 สิงหาคม



 



 



 



 



+++นายอลงกรณ์ พลบุตร เลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภาปฏิรูปแห่งชาติ (วิป สปช.) กล่าวว่า สปช.จะรับทราบคำขอขยายเวลาการพิจารณาคำขอแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญจาก 60 วัน เป็นไม่เกิน 90 วัน ของ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญในการประชุม สปช.วันนี้ กมธ.ยกร่างฯจะต้องส่งร่างรัฐธรรมนูญให้ สปช.ภายในวันที่ 22 สิงหาคม และ สปช.จะลงมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญระหว่างวันที่ 5-7 กันยายน



+++พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึง กรณีหารือกับเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย เพื่อขอความร่วมมือส่งตัวผู้ต้องหาคดีอาญามาตรา 112 ที่หลบหนีไปยังประเทศญี่ปุ่นกลับไทยว่า หลังจากการหารือคงเหมือนกับการคุยกับประเทศฝรั่งเศสที่ได้รับทราบตามข้อเรียกร้องของทางการไทย จากนั้นทูตญี่ปุ่นจะส่งเรื่องไปยังรัฐบาลญี่ปุ่น          ยืนยันว่าเป็นฐานความผิดที่ไม่เกี่ยว ข้องกับการเมือง การที่ผู้ต้องหาอ้างว่าลี้ภัยเป็นเพราะการเมือง ไม่เป็นความจริง ซึ่งได้ชี้แจงให้ทูตญี่ปุ่นรับทราบ โดยทูตญี่ปุ่นมีความเข้าใจในเรื่องนี้แล้ว และจะเสนอต่อรัฐบาลญี่ปุ่นต่อไป



+++กรณี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (อดีต ผบช.น.) ถูกดำเนินคดีในข้อหาพกพาอาวุธปืนที่สนามบินนาริตะ ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน ต่อมาวันที่ 13 กรกฎาคม อัยการประเทศญี่ปุ่นสั่งไม่ฟ้องและปล่อยตัว และเมื่อเดินทางกลับถึงประเทศไทย ทางกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (บช.ภ.1) ตั้งชุดสอบสวนคดีพร้อมเชิญตัว พล.ต.ท.คำรณวิทย์มาสอบปากคำ  พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน ผบช.ภ.1 เปิดเผยว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์ประสานมาว่าจะขอเลื่อนเข้าพบชุดสืบสวนไปเป็นวันที่ 27 กรกฎาคม เวลา 13.00 น. เนื่องจากขอรวบรวมเอกสารหลักฐานก่อน ชุดสอบสวนขอยืนยันว่าจะทำงานอย่างเต็มที่ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ตอนนี้สอบปากคำไปแล้วกว่า 14 ปาก รวมทั้งทางการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ คดีนี้ถือว่าคืบหน้าไปมากกว่าร้อยละ 70-80



+++ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลชั้นต้นนัดฟังคำพิพากษาคดี ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายติ๊งต่าง หรือหนุ่ย ไม่มีนามสกุล สัญชาติไทย อายุ 32 ปี อาชีพรับจ้าง ซึ่งเป็นจำเลยในความผิดฐาน กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ซึ่งไม่ใช่ภรรยาตน, พรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปจากบิดามารดา, ฆ่าผู้อื่นโดยทรมาน และหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นปราศจากเสรีภาพ โดยพฤติกรรมได้ก่อเหตุลักพาตัว ล่อลวงกระทำชำเราทางเพศ และฆาตกรรมกับเด็กหญิงวัย  4 ปีเศษ เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ปี 2556 ในพื้นที่ของตำบลกุดป่อง อำเภอเมือง จังหวัดเลย ก่อนจะหลบหนีไปจนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามตัวมาดำเนินคดีได้ภายหลัง ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2558 ในคดีนี้ ศาลอาญา ได้มีการนัดสืบพยานประกอบคดีนี้ไปแล้ว 2ปาก คือ ตาของเด็กหญิงผู้เสียชีวิต ,และพ.ต.ต.คมสัน ปัดถม สารวัตรสืบสวน สภ.นาวัง ซึ่งขณะเกิดเหตุปฏิบัติหน้าที่เป็นพนักงานสอบสวนในพื้นที่เกิดเหตุ และในวันนี้ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีดังกล่าวเวลา09 .00น.



+++ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 28 มี.ค. 2557 นายหนุ่ย หรือติ๊งต่าง  ถูกศาลจังหวัดพระโขนงมีคำพิพากษาให้จำคุกตลอดชีวิต จากพฤติการณ์กระทำความผิดลักษณะเดียวกันนี้ ด้วยการกระทำชำเราโดยฆ่า เด็กผู้หญิงอายุ 6 ปี บริเวณพื้นที่รกร้าง ใกล้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสแบริ่ง เมื่อเดือน ธันวาคม ปี2556



CR:แฟ้มภาพ 



 

ข่าวทั้งหมด

X