สรุปข่าวรอบวัน 19.35 น.
++พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า การเปิดประมูลข้าวสารสตอกรัฐบาลในส่วนของข้าวเสียเป็นฝุ่นผงและข้าวเกรดซี กระทรวงฯ พร้อมเปิดโอกาสให้ทุกกลุ่มเข้ามาร่วมประมูลข้าว แต่จะต้องมีการกำหนดหลักเกณฑ์ให้ชัดเจน เพราะหากผลการตรวจเชื้อราข้าวออกมาว่ามีเชื้อราจริง ข้าวดังกล่าวก็ไม่ควรนำกลับมาบริโภคทั้งในคนและสัตว์ ซึ่งจะต้องนำไปทำเอทานอลและชีวมวล จึงต้องกำหนดประเภทให้ชัดเจนในวันพรุ่งนี้ มอบหมายให้ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงพาณิชย์นำคณะผู้สื่อข่าวลงตรวจสอบโกดังข้าวที่เป็นฝุ่นผง เพื่อให้ทราบข้อเท็จจริงว่าข้าวดังกล่าวเสียหายมากจนเป็นฝุ่นไม่สามารถนำมาทำอะไรได้อีกแล้วจะได้เข้าใจตรงกัน คาดหวังว่าราคาข้าวเปลือกจะขยับขึ้นไปมากกว่าขณะนี้ พร้อมสั่งการให้หน่วยงานของกระทรวงฯ หารือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งผู้ส่งออกข้าวและโรงสี เพื่อช่วยกันผลักดันราคาข้าวให้สูงขึ้นและไม่ให้เกิดการกดราคาซึ่งกันและกัน’
+++พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงการปรับหลักเกณฑ์โครงการรถเมล์ฟรีรถไฟฟรีตามนโยบายกระทรวงคมนาคมที่จะช่วยเหลือค่าครองชีพให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น ล่าสุดมีการสรุปหลักเกณฑ์เบื้องต้นแล้วเพื่อจะนำมาใช้ ส่วนมาตรการปัจจุบันจะมีการต่ออายุอีก 1 ครั้ง ภายในเดือนกรกฎาคมนี้กระทรวงคมนาคมจะเสนอให้ ครม.พิจารณาต่ออายุโครงการอีก 3 เดือน โดยจะมีผลเดือนสิงหาคม-ตุลาคมนี้ หลังจากนั้นวันที่ 1 พฤศจิกายน จะมีมาตรการรถเมล์ฟรีรถไฟฟรีแบบใหม่มาใช้ทันที เบื้องต้นพบว่ามาตรการรถเมล์ฟรีรถไฟฟรีแบบใหม่จะยกเว้นค่าโดยสารให้แก่ผู้มีรายได้น้อยต่ำกว่าเดือนละ 4,000 บาท รวมทั้งกลุ่มบุคคลที่จะได้รับส่วนลดค่าโดยสาร ซึ่งมาตรการแบบใหม่จะมีส่วนช่วยภาครัฐลดงบประมาณที่จะนำมาชดเชยโครงการถึงร้อยละ 60 ของงบฯ ที่ชดเชยแต่ละปี
+++ส่วนมาตรการเอ็กซเรย์กระเป๋าสัมภาระท่าอากาศยานดอนเมือง หลังปรับเปลี่ยนมาตรการเมื่อเวลา 15.00 น.วานนี้ ทำให้คล่องตัวมากขึ้น ระยะต่อไปจะปรับปรุงระบบตรวจค้นและการเอ็กซเรย์ท่าอากาศยานดอนเมืองให้มีมาตรฐานเช่นเดียวกับ ท่าอากาศยานชั้นนำอื่น ๆ โดยภายในเดือนตุลาคมนี้เมื่ออาคารหลังที่ 2 ท่าอากาศยานดอนเมืองเปิดใช้งานก็จะมีระบบตรวจค้นเช่นเดียวกับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ คือ ตรวจกระเป๋าสัมภาระที่จะโหลดลงใต้เครื่องและเมื่อเดินผ่านจุดเช็คอินเข้าไปด้านในก็จะมีการตั้งจุดเอ็กซเรย์กระเป๋าที่จะนำขั้นเครื่องอีกครั้ง เชื่อว่ามาตรฐานการตรวจค้นกระเป๋าจะดีขึ้น หลังจากนั้นจะมีการปิดปรับปรุงอาคารผู้โดยสารหลังที่ 1 เพื่อปรับปรุงระบบตรวจค้นให้เป็นระบบเดียวกัน
+++นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานกรรมการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้มีความเสี่ยงโตต่ำกว่าร้อยละ 3% โดยแนวโน้มในครึ่งปีหลังเจอคลื่นหลายลูกเกินกว่าที่คาดไว้ เป็นผลมาจากปัญหาที่ไม่ถูกจัดการจากรัฐบาลในอดีต โดยเฉพาะปัญหาการค้ามนุษย์ และมาตรฐานความปลอดภัยการบิน ที่ต้องรีบแก้ไข ไม่เช่นนั้นจะกระทบกับการค้าขายและการท่องเที่ยวของประเทศ ปัญหาที่หนักที่สุด คือ ภัยแล้ง ที่เป็นปัจจัยเฉพาะหน้า เข้ามาในจังหวะที่ประเทศมีปัญหามากมาย และน้ำมีความจำเป็นต่อทุกภาคส่วน ทั้งเกษตรกรรม และชีวิตความเป็นอยู่ ซึ่งทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันประหยัดเพื่อใช้ทรัพยากรที่มีอยู่จำกัด มีการสร้างแหล่งกักเก็บน้ำอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการฟื้นฟูป่าต้นน้ำและป้องกันการบุกรุกป่า ผลประกอบการธนาคารพาณิชย์ในช่วงครึ่งปีแรกที่ชะลอตัว สะท้อนภาวะเศรษฐกิจ เห็นได้จากสินเชื่อด้อยคุณภาพ (เอ็นพีแอล) เพิ่มขึ้น จำเป็นต้องตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้นตามความเสี่ยง ขณะที่สินเชื่อเติบโตน้อย
++++ดัชนีหุ้นไทยปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,447.44 จุด ลดลง 19.27 จุด มูลค่าการซื้อขาย40,249.43 ล้านบาท แรงขายที่ออกมาอย่างต่อเนื่องทำให้ดัชนีฯปรับตัวลงทำจุดต่ำสุดของปีนี้ ที่1,442.79 จุด โดยมีจุดต่ำสุดเดิมที่ 1,459 จุด โ ตลาดฯมีความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัว หลังมีข่าวรัฐบาลได้เลื่อนการประมูลโครงการใหญ่มูลค่าราว 7 แสนล้านบาท ออกไปเป็นไปปีหน้า
+++ดัชนีนิเคอิตลาดโตเกียวปิดตลาดเพิ่มขึ้น191.05ปิดที่20,841.97จุด ส่วนฮั่งเส็งปิดที่25,536.43จุด เพิ่มขึ้น 131.62จุด
+++นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กลาวว่า ยังไม่ได้รับหนังสือ สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินมีหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ขอให้ตั้งคณะทำงานพิจารณาว่า การที่อดีตอัยการสูงสุด (อสส.) มีคำสั่งให้ถอนฟ้องคดีที่พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ถูกฟ้องคดีต่อศาลอาญาในความผิดเกี่ยวกับซื้อ-ขายที่ดิน เมื่อปี 2549 เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และขอให้ใช้มาตรา 44 ตั้งคณะกรรมการร่วม 2 ฝ่าย เพื่อศึกษาประเด็นทางพระธรรมวินัยของพระธัมมชโยที่ยังไม่ได้ข้อยุติ แต่คนที่จะใช้อำนาจมาตรา 44 เป็น คสช. ไม่ใช่รัฐบาล รัฐบาลใช้มาตรา 44 ไม่ได้ ดังนั้น จึงขอดูเรื่องของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินก่อน แล้วค่อยพูด
+++สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้เผยแพร่ประกาศผลการสรรหากรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ที่คณะกรรมการสรรหาได้มีการประชุมพิจารณาคัดเลือกในวันนี้ ประกอบด้วย 1. นางฉัตรสุดา จันทร์ดียิ่ง เลขานุการศาลเยาวชนและครอบครัว จ.สมุทรปราการ 2. นายบวร ยสินทร อดีตแกนนำเครือข่ายราษฎรอาสาปกป้องสถาบัน 3. นางประกายรัตน์ ต้นธีรวงศ์ นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิสตรี 4. นายวัส ติงสมิตร ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา สำนักงานศาลยุติธรรม 5. รศ.นพ.ศุภชัย ถนอมทรัพย์ อาจารย์พิเศษ (แพทย์) คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี 6. นายสุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข 7. นางอังคณา นีละไพจิตร นักเคลื่อนไหวสตรี ภรรยาของ นายสมชาย นีละไพจิตร อดีตทนายความที่หายสาบสูญไป จากนั้น จะเสนอรายชื่อผู้ได้รับเลือกพร้อมความยินยอมของผู้นั้นต่อประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทำหน้าที่ประธานวุฒิสภา เห็นชอบภายใน 30 วัน หากแต่หากที่ประชุม สนช.ไม่เห็นชอบ ให้ส่งรายชื่อกลับมายังคณะกรรมการสรรหา ซึ่งถ้าคณะกรรมการสรรหายืนยันตามมติเดิมด้วยคะแนนเสียงเอกฉันท์ ประธาน สนช.ก็จะต้องนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งต่อไป
+++นายนพดล ธรรมวัฒนะ นำหนังสือความเห็นของแพทยสภา ที่มีมติให้ลงโทษภาคทัณฑ์แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กรณีทำรายงานตรวจพิสูจน์ศพ นายห้างทอง ธรรมวัฒนะ อดีต ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชากรไทย ที่เสียชีวิตเมื่อวันที่ 6 ก.ย. 2542 ภายในบ้านพักย่านสะพานใหม่ ซึ่งแพทยสภา เห็นว่าการกระทำของแพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ ขัดต่อข้อบังคับแพทยสภาว่าด้วยการรักษาจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2549 มายื่นต่อศาลอาญาเพื่อประกอบในสำนวนคดีที่นายนพดล ยื่นฟ้องแพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ ฐานเบิกความเท็จ ซึ่งคดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง และคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นศาลฎีกา ส่วนตัวเห็นว่าการลงโทษของแพทยสภานั้นเบาเกินไป เพราะการให้ความเห็นว่านายห้างทอง ถูกฆาตกรรม ส่งผลให้ตัวเอง ได้รับความเสียหายตกเป็นจำเลยถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้บงการสังหาร จึงได้ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อแพทยสภาเมื่อ 9 ปีก่อน และทวงถามไปยังแพทยสภา หลายครั้ง ก่อนที่แพทยสภา จะลงความเห็นสั่งลงโทษแพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ เมื่อปี 2556 แต่ตัวเองกลับพึ่งได้รับหนังสือฉบับนี้เมื่อวันที่9 กรกฎาคม ทำให้ตัวเองรู้สึกว่าไม่ได้รับความยุติธรรม
+++บีบีซี รายงานอ้างแถลงการณ์ของบริษัทโตชิบาของญี่ปุ่นว่า นายฮิซาโอะ ทานากะ ซีอีโอและกรรมการผู้จัดการ วัย 64 ปี และนายโนริโอะ ซาซากิ รองประธานวัย 66 ปีได้ประกาศลาออกในวันนี้ หลังผู้ตรวจสอบบัญชีที่เป็นกลาง ตรวจพบว่าบริษัทฯทำตัวเลขกำไรเกินจริงมาตลอด 6 ปีที่ผ่านมา พร้อมทั้งแสดงความเสียใจต่อบรรดาผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้เสียอื่นๆ สำหรับผู้บริหารทั้งสองได้ร่วมงานกับบริษัทฯมาตั้งแต่ต้นปี 2513 โดยนายซาซากิ เคยดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการระหว่างปี 2546-2552 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ถูกระบุว่ามีการทำตัวเลขกำไรเกินจริง ส่วนผู้ที่จะมาทำหน้าที่แทนนายทานากะ คือ นายมาซาชิ มูโรมาชิ ประธานบริษัทฯเบื้องต้นยังไม่ทราบชัดเจนว่าเรื่องนี้จะกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทฯในรอบปีบัญชีที่สิ้นสุดในเดือนมีนาคมปีนี้ด้วยหรือไม่ ด้านนายทาโร อาโสะ รัฐมนตรีคลังของญี่ปุ่นระบุว่ากรณีนี้อาจจะกระทบต่อความเชื่อมั่นต่อหลักธรรมาภิบาลของบริษัทเอกชนในญี่ปุ่น
+++แหล่งข่าวในรัฐสภากรีซเผยว่า รัฐบาลได้เสนอร่างกฎหมายว่าด้วยมาตรการปฏิรูปชุดที่ 2 ต่อรัฐสภาแล้วเพื่อลงมติในวันพุธ และจะต้องผ่านความเห็นชอบจากสภาเพื่อให้ได้ความช่วยเหลือจากเจ้าหนี้ การลงมติวันพรุ่งนี้จะเป็นบททดสอบสำคัญของนายกรัฐมนตรีอเล็กซิส ซีปราสหลังจากถูก ส.ส.ในพรรคไซรีซาของเขาทรยศในการลงมติร่างกฎหมายมาตรการปฏิรูปชุดแรกเมื่อวันพุธที่แล้ว มาตรการชุดที่สองประกอบด้วยข้อบังคับสหภาพยุโรปเรื่องรับประกันเงินฝากไม่เกิน 100,000 ยูโร (ราว 3.7 ล้านบาท) การปฏิรูปคดีแพ่งเพื่อเร่งกระบวนการทางกฎหมายและลดค่าใช้จ่าย