ติดตามข่าวอาชญากรรม คดีนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง อายุ 50 ปี นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่เสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำ บริเวณในซอยเฉลิมพระเกียรติ 48-50 แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพฯ ภายในรถที่พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต ส.ส.นครสวรรค์ และอดีต รมช.พาณิชย์ เป็นผู้ขับรถ ซึ่ง พล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวช รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) กล่าวว่า คดีนี้เป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ขณะนี้ต้องรอผลการตรวจสอบจากนิติเวช และการวินิจฉัยการเสียชีวิตโดยละเอียด ซึ่งยังไม่ยืนยันว่าเป็นอุบัติเหตุหรือฆาตกรรม และมีคำสั่งให้มีการสอบพยานตั้งแต่วันเกิดเหตุใหม่ทั้งหมด
ด้านนางศิริรัตน์ แซ่ตั๊ง อายุ 51 ปี น.ส.วันเพ็ญ ธนธรรมศิริ อายุ 54 ปี ภรรยาและพี่สาวของ นายชูวงษ์ พร้อม นายเอนก คำชุ่ม ทนายความ และได้นำเอกสารใบคำขอถอน โอนหลักทรัพย์ของผู้ตาย เข้าพบ พ.ต.ท.นพพร ศรีสุชาติ พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ สน.อุดมสุข เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมกรณีที่เข้าร้องทุกข์กับทางตำรวจ พร้อมนำหลักฐานเพิ่มเติมเป็นเอกสารใบคำขอถอน/โอนหลักทรัพย์ ระบุชื่อผู้โอนหุ้นว่า "นายชูวงษ์ แซ่ตั๋ง" ซึ่งนามสกุลจริงของนายชูวงษ์คือ "แซ่ตั๊ง" รวมถึงมีร่องรอยแก้ไขวันที่ และลายเซ็นในใบโอนหุ้นก็ไม่ใช่ลายเซ็นของนายชูวงษ์ ซึ่งทางตำรวจกองปราบฯ อยู่ระหว่างตรวจสอบ ส่วนใบมรณบัตรระบุสาเหตุการตายของนายชูวงษ์ ว่า เลือดออกใต้เยื่อสมองชั้นใน สมองบวมจากการกระทบกระเทือน
ด้าน พ.ต.อ.นิธิศ บุญเจริญ ผกก.สน.อุดมสุข คาดว่าภายใน วันศุกร์นี้ พนักงานสอบสวนจะนัดประชุมหารือกันซึ่งคาดว่าน่าจะได้ข้อสรุป
พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง แถลงผลการจับกุม นายธีโอดอร์ แอนดรูว์ เวอร์เนอร์ อายุ 48 ปี สัญชาติอเมริกัน ตามที่หน่วยบังคับใช้กฎหมายสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ประสานขอความร่วมมือเฝ้าระวัง และให้ติดตามหาตัวเพื่อส่งกลับประเทศสหรัฐ เนื่องจากมีส่วนร่วมกระทำความผิดโดยการใช้โทรศัพท์ผ่านสัญญาณอินเทอร์เน็ตระบบวีโอไอพีโทรหลอกบุคคลอื่นให้ร่วมลงทุนการทำธุรกิจต่างๆ เพื่อให้เหยื่อหลงเชื่อและ โอนเงินมาให้ โดยมีมูลค่าความเสียหายกว่า 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 70 ล้านบาท ทั้งแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรสหรัฐ โดยมีหมายจับของรัฐนิวยอร์ก และทางสหรัฐได้ยกเลิกหนังสือของเดินทางนายธีโอดอร์แล้ว
ส่วนเรื่องการทำประมงมีการประชุมร่วมกันของกลุ่มชาวประมงเรืออวนรุนจากจังหวัดสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดเพชรบุรีและจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งมีการยืนยันว่า เรืออวนรุนไม่ใช่อาชีพทำลายล้างจึงขอความเป็นธรรม ซึ่งนายประดิษฐ์ เหล็กดี ประธานชมรมเรืออวนรุนสมุทรสาคร กล่าวว่า การออกประกาศยกเลิกเครื่องมือทำการประมงที่ทำลายทรัพยากรสัตว์น้ำ ทำให้ได้รับความเดือดร้อน จึงขอให้พิจารณาการเยียวยาหรือชดเชยในกรณีที่ต้องเลิกประกอบอาชีพประมง ซึ่งเกิดขึ้นเพราะกรมประมงละเลยการปฏิบัติหน้าที่ทำให้ปัญหาสะสมมานาน ซึ่งไม่ใช่ความผิดของชาวประมง โดยเฉพาะข้อกล่าวหาที่ว่าเครื่องมืออวนรุนเป็นเครื่องมือทำลายล้าง ซึ่งชาวประมงไม่มีโอกาสอธิบายเหตุผลหรือแก้ต่างได้
กรมธุรกิจพลังงานมีคำสั่งให้ผู้ค้าน้ำมันเตรียมความพร้อมปรับลดปริมาณสำรองน้ำมันสำเร็จรูปตามกฎหมายเหลือร้อยละ 1 แต่นายเชาวลิต พันธุ์ทอง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผย ปตท. จะสำรองน้ำมันที่ระดับร้อยละ 4 หรือประมาณ 13-14 วัน ซึ่งมากกว่าที่กฎหมายกำหนด เพื่อรองรับความต้องการใช้น้ำมันในประเทศ ดังนั้นต้นทุนสำรองน้ำมันสำเร็จรูปจึงน่าจะลดลง 9 สตางค์ต่อลิตร
กรณี บริษัท ซัมซุงอิเล็คโทร-แม็คคานิคส์ นครราชสีมา จำกัด ในเขตอุตสาหกรรมสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา เลิกจ้างพนักงานกว่า 1,800 คน จากพนักงานทั้งหมด 3,000 คน เนื่องจากประสบปัญหาคำสั่งซื้อที่ลดลงเป็นอย่างมาก นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เตือนว่า ปัญหานี้จะเกิดขึ้นอีกกับโรงงานอีกหลายแห่งที่กำลังได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก ทำให้ยอดขายลดลง ต้องลดการผลิต ลดคนงานลง
ด้านนายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่าซัมซุงมีแผนการย้ายโรงงานบางส่วนไปประเทศเวียดนามเพื่อให้ได้แรงงานที่มีอัตราค่าจ้างถูกกว่า และต้องการสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร หรือ จีเอสพี เพื่อส่งออกไปสหรั{อเมริกา ส่วนพนักงานที่ถูกเลิกจ้างเป็นกลุ่มแรงงานฝีมือ ซึ่งเป็นผู้ที่ตลาดแรงงานมีความต้องการ ซึ่งหากดูภาพรวมอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ คาดว่าอุตสาหกรรมในไทยจะคงขยายตัวเพราะผู้ประกอบการรายใหญ่ยังมีแผนที่จะขยายการลงทุนต่อไป
อย่างไรก็ตาม กระทรวงอุตสาหกรรมมอบให้อุตสาหกรรมจังหวัดทั่วประเทศ ตรวจสอบโรงงานขนาดใหญ่ว่า โรงงานใดมีความแนวโน้มย้ายฐานการผลิตหรือไม่ พร้อมติดตามสถานการณ์ภาพรวมอย่างใกล้ชิดใชข
ส่วนการที่ท่าอากาศยานดอนเมืองเพิ่มมาตรการตรวจกระเป๋าสัมภาระทุกใบที่จะโหลดเข้าใต้ท้องเครื่องบิน ต้องเข้าเครื่องเอกซเรย์ก่อนเข้าไปที่เคาน์เตอร์เช็กอิน ส่งผลให้เกิดความล่าช้า พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม ยอมรับว่า เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นท่าอากาศยานดอนเมืองก็มีการประชุมหารือกันว่าจะมีเครื่องมือเพิ่มเติมหรือจะมีมาตรการอะไรออกมาหรือไม่ ซึ่งทางท่าอากาศไทยขอเพิ่มเครื่องเอกซเรย์กระเป๋า และจัดระบบคิวใหม่ โดยแยกจุดตรวจกระเป๋าสัมภาระระหว่างผู้โดยสารที่เดินทางเที่ยวบินภายในประเทศกับเที่ยวบินระหว่างประเทศออกจากกัน ซึ่งจะทำให้ผู้โดยสารในประเทศสามารถเดินทางได้เร็วขึ้น แต่การรักษาความปลอดภัยและการตรวจกระเป๋ายังได้มาตรฐานความปลอดภัยเหมือนเดิม
นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รมว.วัฒนธรรม (วธ.) เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทย มีความเห็นให้ตั้งศูนย์อำนวยความสะดวกผู้เดินทางไปประกอบ พิธีฮัจย์ ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานหาดใหญ่ ท่าอากาศยานภูเก็ต และท่าอากาศยานนราธิวาส พร้อมตั้งคณะอนุกรรมการอำนวยความสะดวกแก่ผู้เดินทางเพื่อปฏิบัติงานให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ นอกจากนี้ยังหารือเรื่องการปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ.ส่งเสริมกิจการฮัจย์ พ.ศ. 2524 ซึ่งมีการใช้มากกว่า 30 ปีแล้ว โดยเฉพาะในประเด็นของคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจย์ ที่จะมีรูปแบบของหน่วยงานเป็นองค์การมหาชน หรือหน่วยงานราชการ ซึ่งมีการถกเถียงกันมาก จึงมีมติให้จัดทำประชาพิจารณ์ให้แล้วเสร็จในต้นเดือนสิงหาคมนี้ จากนั้นจะเชิญผู้เกี่ยวข้องมาพิจารณาร่วมกัน เพื่อสรุปความชัดเจนอีกครั้ง
ด้านอินโดนีเซีย ห้ามสายการบินของไทยที่มีเที่ยวบินประจำเพิ่มเที่ยวบินหรือมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ซึ่งพล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า เป็นผลจากการที่องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ตรวจพบข้อบกพร่องที่มีนัยสำคัญต่อความปลอดภัย (SSC) เพียงแต่อินโดนีเซียแจ้งล่าช้ากว่าเกาหลีและญี่ปุ่น ซึ่งปัจจุบันมีเที่ยวบินประจำจากไทยไปอินโดนีเซีย คือ สายการบินไทยที่มีเที่ยวบินไปกลับสุวรรณภูมิ-บาหลี 7 เที่ยวบิน/สัปดาห์ และสุวรรณภูมิ-จาการ์ตา 10 เที่ยวบิน/สัปดาห์ ซึ่งขณะนี้การบินไทยไม่มีแผนเปลี่ยนแปลงเที่ยวบินหรือขอเพิ่มเส้นทางบิน จึงไม่มีผลกระทบแต่อย่างใด ส่วนเที่ยวบินแบบเช่าเหมาลำจากไทยไปอินโดนีเซียยังไม่มีการให้บริการ
นายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน แถลงผลการตรวจสอบกรณีที่พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัด พระธรรมกาย ถูกฟ้องคดีในความผิดเกี่ยวกับการลงชื่อตนเองเป็นเจ้าของในการซื้อขายที่ดิน และต่อมาสมเด็จพระสังฆราชมีพระลิขิต ที่ระบุว่าพระธัมมชโยควรคืนทรัพย์สินให้วัดซึ่งจะไม่ถือว่ามีโทษ เพราะอาจไม่มีเจตนา แต่หากไม่ยอมคืนทรัพย์สิน ถือว่าจงใจเอาทรัพย์สินเป็นของตัวเอง ซึ่งถือได้ว่าพระธัมมชโยย่อมไม่เป็นสมณะ ต้องอาบัติปาราชิกขาดจากความเป็นพระภิกษุโดยอัตโนมัติ นายรักษเกชา กล่าวว่า พระลิขิตถือว่าเป็นกฎหมายตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องดำเนินการให้เป็นไปตามพระลิขิตดังนั้น ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาฯ และสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ที่ไม่ได้ดำเนินการจึงถือว่าละเลย ทางผู้ตรวจฯ จึงมีหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. เพื่อให้ขอให้ใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว)พ.ศ.2557 มาตรา 44 ตั้งคณะกรรมการร่วมสองฝ่าย ประกอบด้วยฝ่ายคฤหัสถ์ และบรรพชิต เพื่อศึกษาประเด็นทางพระธรรมวินัยที่ยังไม่ได้ข้อยุติ และพระธรรมชโยต้องอาบัติปาราชิกตามพระลิขิตสมเด็จพระสังฆราชหรือไม่
-*-