*เลขาก.ล.ต.ชี้ต้องปฎิรูปรัฐวิสาหกิจให้โปร่งใส ภาคปชช.ติงค่าตอบแทนมากไม่คุ้มกับงาน*

20 กรกฎาคม 2558, 18:27น.


การพัฒนาและปฎิรูปรัฐวิสาหกิจไทย ในมุมมองนายรพี สุจริตกุล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)และประธานกรรมการคณะกรรมการกำกับตลาดทุนและหนึ่งในคณะกรรมการคนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ(คนร.) ชี้ให้เห็นความสำคัญ การปฎิรูปว่าต้องการให้การทำงานของรัฐวิสาหกิจทั้งหมดโปร่งใส มีประสิทธิภาพ ต้องการให้รัฐวิสาหกิจเปิดเผยข้อมูลมากขึ้นและลดการแทรกแซงทางการเมือง ส่วนการประชุมครั้งล่าสุด ที่ประชุมคนร.ได้รับหลักการร่างพระราชบัญญัติการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจและหลักทรัพย์ของรัฐ  ซึ่งจะครอบคลุมห้ามมิให้นักการเมืองมีสิทธิแต่งตั้งคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจทั้ง 56 แห่ง โดยจะมีคณะกรรมการขึ้นหนึ่งชุดตามพระราชบัญญัตินี้ทำหน้าที้คัดเลือกคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจทั้ง 56 แห่งตามความสามารถที่เหมาะสม รวมทั้งร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวจะบัญญัติให้มีการจัดตั้งบรรษัทรัฐวิสาหกิจแห่งชาติ เพื่อควบคุมบริษัทในเครือรัฐวิสาหกิจ  ทั้งนี้ร่างจะเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีภายในเดือนสิงหาคมหรือกันยายนและไตรมาสแรกปี 2559คงเริ่มดำเนินการได้ ซี่งร่างพ.ร.บ.นี้จะถูกดำเนินการควบคู่ไปกับแผนพัฒนารัฐวิสาหกิจที่เร่งจัดทำเพื่อกำหนดทิศทางการทำงานของรัฐวิสาหกิจ



อย่างไรก็ดียอมรับว่ารัฐบาลชุดใหม่อาจมีสิทธิเปลี่ยนแปลงร่างพระราชบัญญัติและหลักเกณ์ต่างๆได้ขอให้ภาคประชาชนช่วยกันตรวจสอบพร้อมระบุว่าส่วนตัวต้องการให้รัฐวิสาหกิจบริหารงานโดยเอกชนแต่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐ ขณะที่มีภาคประชาชนที่เข้าฟังท้วงติงถึงเรื่องสิทธิประโยชน์ที่คณะกรรมการรัฐวิสาหกิจของรัฐหลายแห่งได้ค่าตอบแทนหลายล้านบาทต่อปี นายบรรยง พงษ์พานิช หนึ่งในคณะกรรมการคนร.ระบุยอมรับได้แต่ต้องเปิดเผยข้อมูลและทำงานให้คุ้มค่ากับค่าตอบแทนดังกล่าว ส่วนการเบิกจ่ายงบประมาณที่ล่าช้าของรัฐวิสาหกิจบางแห่งก็ให้ปรับแผนตามสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)และได้เร่งให้ส่งแผนลงทุนในปีหน้าโดยอิงตามความสามารถของรัฐวิสาหกิจตามข้อเท็จจริงด้วย



ด้านนายกุลิศ สมบัติศิริ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจและหนึ่งในคณะกรรมการคนร. กล่าวว่า ในอดีตมีความพยายามของนักการเมืองที่ดึงบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องหรือไม่มีความสามารถมานั่งเป็นกรรมการในรัฐวิสาหกิจต่างๆเพื่อหวังประโยชน์ส่วนตัว รวมทั้งรัฐวิสาหกิจก็ไม่มีการเปิดเผยข้อมูลต่างๆต่อสาธารณะชนและในปัจจุบันมีบริษัทในเครือรัฐวิสาหกิจ 60บริษัทประสบภาวะขาดทุน ซึ่งในขณะนี้คนร.ได้ออกมาตรการปฎิรูปรัฐวิสาหกิจหลายด้าน โดยจากการประชุม ล่าสุดที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานก็ได้มีมติให้บริษัทในเครือรัฐวิสาหกิจที่ประสบปัญหาขาดทุน 60 บริษัทหากต้องการดำเนินงานต่อให้จัดทำแผนฟื้นฟูหรือหากต้องการควบรวมกับบริษัทในเครือก็ให้จัดทำรายงานดังกล่าวส่งคนร.ภายในสามเดือนนี้ ส่วนหากมีบริษัทในเครือที่ตั้งใหม่ภายใน 6 เดือนก็ต้องรายงานผลประกอบการต่อคนร.พร้อมระบุด้วยว่าจะมีการกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจทั้ง 56 แห่งให้เปิดเผยข้อมูลและการดำเนินงบประมาณต่อสาธารณะชนให้ต้องเปิดเผยข้อมูลเท่ากับบริษัทที่จดทะเบียน ขณะนี้มีรัฐวิสาหกิจกว่า 40แห่งแล้วที่เปิดเผยข้อมูลแต่ก็มีอีก 10กว่าแห่งที่ข้อมูลไม่ทันสมัยและได้เร่งให้ทำจากนี้จะมีการตรวจสอบมากขึ้นและมีการประเมินผลคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจทั้ง 56 แห่งเพื่อสะท้อนผลดำเนินงาน



ผู้สื่อข่าว:ธีรวัฒน์ สิทธิเกรียงไกร 

ข่าวทั้งหมด

X